สอบ SAT คืออะไร? ตอบทุกข้อสงสัย ข้อมูลครบในที่เดียว!
หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเรื่องการสอบ SAT ซึ่งถูกพูดถึงบ่อยในหนังวัยรุ่นอเมริกัน วันนี้จะมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับ SAT ไม่ว่าจะเป็น SAT คืออะไร? ข้อสอบ SAT เป็นยังไง? สอบ SAT ที่ไหน? โดยบทความนี้มีตัวอย่างข้อสอบ SAT และวิธีเตรียมตัวสอบ SAT มาแนะนำให้ทุกคน รับรองว่าเนื้อหาครบจบในที่เดียวแน่นอน
การสอบ SAT คืออะไร
SAT คือการสอบประเภทหนึ่ง โดยคำว่า SAT ย่อมาจาก Scholastic Aptitude Test หรือ The Scholastic Assessment Test แต่ปัจจุบันจะเรียกแค่เพียง SAT Reasoning Test
ข้อสอบ SAT คืออะไร
เป็นข้อสอบที่ใช้ในการประกอบการสมัครเข้าเรียนในระดับชั้นปริญญาตรี จัดทำโดย College Board เรียกได้ว่าข้อสอบ SAT คือ ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระดับมาตรฐานสากลและนิยมใช้กันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและมหาวิทยาลัยที่มีการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรนานาชาติ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
การสอบ SAT แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ข้อสอบ SAT ที่ทดสอบความถนัดทางวิชาคณิตศาสตร์ (SAT Math) และภาษาอังกฤษ (SAT Verbal) โดยทั้ง 2 วิชาคะแนนรวมกันเต็ม 1600 คะแนน
โดย SAT Math เป็นการทดสอบวัดระดับทางคณิตศาสตร์ (Mathematics) และ SAT Verbal เป็นการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษในการอ่าน และการวิเคราะห์ อีกทั้งยังทดสอบ ความสามารถทางไวยากรณ์ (Grammar)
2. ข้อสอบ SAT Subject Tests
SAT Subject Tests คือวิชาอื่น ๆ นอกเหนือจากวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ เช่น ภาษาต่างประเทศ ฟิสิกส์ เคมี SAT Math 1, SAT Math 2 ซึ่งบางคณะอาจจะต้องใช้คะแนน SAT Subject Tests ยื่นสมัครด้วย เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์
***ดังนั้นก่อนสมัครสอบ SAT เราต้องเช็คให้ดีก่อนว่าคณะและมหาวิทยาลัยที่เราสนใจจะต้องยื่นคะแนน SAT Subjects ด้วยหรือไม่***
ตารางสอบ SAT
ในแต่ละปี จะมีการจัดสอบ SAT ประมาณ 4 รอบ ได้แก่ช่วงเดือนมีนาคม เดือนพฤษภาคม เดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายน โดยเราสามารถเข้าไปติดตามการอัพเดตตารางสอบ SAT ผ่านเว็บไซต์ของ College Board ซึ่ง College Board เป็นองค์กรที่จัดสอบ SAT นั่นเอง หรือกดติดตามเพจ OpenDurian ไว้ รับรองไม่พลาดทุกข่าวสารการสอบ SAT แน่นอน!
ตารางสอบ SAT ปี 2564
วันสอบ SAT |
กำหนดการสอบ SAT Subject Tests |
วันสุดท้ายการรับสมัคร |
วันหมดเขตการลงทะเบียนล่าช้า |
วันสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงข้อมูล |
13 มีนาคม 2564 |
SAT Subject Tests ไม่มีสอบในวันนี้ |
12 กุมภาพันธ์ 2564 |
23 กุมภาพันธ์ 2564 (สำหรับการลงทะเบียนทางไปรษณีย์) 2 มีนาคม 2564 (สำหรับการการลงทะเบียนออนไลน์หรือทางโทรศัพท์) |
2 มีนาคม 2564 |
8 พฤษภาคม 2564 |
SAT Subject Tests ไม่มีสอบในวันนี้ |
8 เมายน 2564 |
20 เมษายน 2564 (สำหรับการลงทะเบียนทางไปรษณีย์) 27 เมษายน2564 (สำหรับการการลงทะเบียนออนไลน์หรือทางโทรศัพท์) |
27 เมษายน 2564 |
5 มิถุนายน 2564 |
SAT Subject Tests ไม่มีสอบในวันนี้ |
6 พฤษภาคม 2564 |
18 พฤษภาคม 2564 (สำหรับการลงทะเบียนทางไปรษณีย์) 26 พฤษภาคม 2564 (สำหรับ การการลงทะเบียนออนไลน์หรือทางโทรศัพท์) |
26 พฤษภาคม 2564 |
รวมรายชื่อศูนย์สอบ SAT (SAT Test Center)
ส่วนใหญ่แล้วศูนย์สอบ SAT หรือ สถานที่สอบ SAT จะจัดที่โรงเรียนอินเตอร์ในประเทศไทย ซึ่งสามารถเลือกสนามสอบ SAT ที่ตนเองสะดวกได้เองตอนสมัคร SAT
Opendurian ได้รวบรวมรายชื่อศูนย์สอบ SAT ในประเทศไทยมาให้แล้ว ทั้งนี้สนามสอบ SAT ดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือเข้าร่วมแค่บางรอบสอบ ควรตรวจสอบอีกครั้งบนเว็บไซต์ College Board ในขั้นตอนการสมัคร SAT
ศูนย์สอบ SAT กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
Test Center |
Zone |
WELL INTL SCH |
BTS บางจาก – อ่อนนุช |
THAMMASAT BUSINESS SCHOOL |
อาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ |
ST ANDREWS INTL SCH |
BTS พระโขนง |
SHREWSBURY INTL SCH |
เจริญกรุง 75, วัดสุทธิวราราม |
RUAMRUDEE INTL SCH |
มีนบุรี สวนสยามและทะเลกรุงเทพ |
NEW INTL SCH OF THAILAND |
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มศว. |
MAHIDOL UNIVERSITY INTL COLLEGE |
อาคารวิทยาลัยนานาชาติมหิดล |
FACULTY OF LIBERAL ARTS |
คณะศิลปศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง |
KIS INTERNATIONAL SCHOOL |
ห้วยขวาง |
KEERAPAT INTL SCH |
ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา |
INTL COMM SCH |
เซ็นทรัลบางนา |
HARROW INTERNATIONAL SCHOOL |
สนามบินดอนเมือง |
CONCORDIAN INTL SCH |
เมกาบางนา, อิเกียบางนา |
BRITISH COLUMBIA INTL SCH BANGKOK |
ภาษีเจริญ, บิ๊กซีกัลปพฤกษ์ |
ANGLO SINGAPORE INTL SCH |
BTS ปุณณวิถี |
ศูนย์สอบ SAT ภาคกลางและตะวันออก
Test Center |
Zone |
TC INTL SCH |
สมุทรปราการ |
REGENTS INTERNATIONAL SCH-PATTAYA |
ชลบุรี |
ST JOHN MARY INTL SCH |
สระบุรี |
BURAPA GOLF CLUB |
ชลบุรี |
ศูนย์สอบ SAT ภาคเหนือ
Test Center |
Zone |
PREM TINSULANONDA INTL SCH |
เชียงใหม่ |
NAKORNPAYAP INTERNATIONAL SCHOOL |
เชียงใหม่ |
LANA INTL SCH |
เชียงใหม่ |
CHIANG MAI INTL SCH |
เชียงใหม่ |
ศูนย์สอบ SAT ภาคใต้
Test Center |
Zone |
UWC THAILAND INTL SCH |
ภูเก็ต |
QSI INTL SCH OF PHUKET |
ภูเก็ต |
BRITISH INTL SCH-PHUKET |
ภูเก็ต |
ข้อสอบ SAT Verbal สอบอะไรบ้าง?
● Evidence-Based Reading & Writing ใช้เวลา 1 ชม.40 นาที (คะแนนเต็ม 800) แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท
Reading Section
จำนวนข้อ |
เวลา |
52 ข้อ |
65 นาที |
Writing and Language Section
จำนวนข้อ |
เวลา |
44 ข้อ |
35 นาที |
ข้อสอบ SAT Verbal ออกเนื้อหาอะไรบ้าง?
SAT Verbal Reading
4 Single Passages 1 Paired Passage 10-11 Questions/ Passage
|
SAT Verbal Writing
4 Passages 11 Questions/ Passage |
Literature วรรณกรรม [1 บทความ] |
Careers อาชีพ |
Founding Documents or Great Global Conversation เอกสารเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯหรือคำพูดของบุคคลสำคัญของโลก [1 บทความเดี่ยว/ 1 บทความคู่] |
History ประวัติศาสตร์ / Humanities มนุษยศาสตร์ |
Social science สังคมวิทยา [1 บทความ] |
Social Studies สังคมศึกษา |
Science วิทยาศาสตร์ [2 บทความ] |
Science วิทยาศาสตร์ |
ข้อสอบ SAT Verbal Reading ทดสอบอะไร?
โจทย์ทั้ง 52 ข้อมาในรูปแบบ Multiple Choices คือมีโจทย์ให้ พร้อมกับตัวเลือก 4 ตัวเลข
SAT Verbal Reading
- วัดความเข้าใจเนื้อหา และการเชื่อมโยงข้อมูลในบทความ
- การหาใจความหลัก (Main idea) หรือ ภาพรวมของบทความ โจทย์มักจะถามว่าบทความกำลังพูดถึงอะไร หรือทำสิ่งเหล่านั้นไปเพื่ออะไร
- คำถามที่เกี่ยวกับคำศัพท์ในข้อสอบ SAT Verbal เราจะต้องวิเคราะห์ว่าในบริบทที่โจทย์กำหนดมาให้ คำศัพท์ควรจะมีความหมายอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
- คำถามที่ถามเกี่ยวกับมุมมองของผู้เขียน (Author) คำถามประเภทนี้จะถามหา เทคนิค และวิธีการเล่าเรื่องของผู้เขียน ไม่ว่าจะเป็น ทัศนคติ (Attitude) โทนเสียง (Voice/ Tone)
- คำถามที่กำหนดให้เราหาหลักฐานว่าทำไมตอบแบบนั้นซึ่งคำถามประเภทนี้มักจะมาเป็นคู่
- คำถามที่ต้องการให้เราระบุว่าได้คำตอบมากจากบรรทัด(Line) ไหน
- คำถามการวิเคราะห์กราฟ ตาราง หรือ ชาร์ต
ข้อสอบ SAT Verbal Writing ทดสอบอะไร?
โจทย์ทั้ง 44 ข้อของ SAT Verbal Writing จะมาในรูปแบบ Multiple Choices เช่นเดียวกันกับ SAT Verbal Reading
ข้อสอบ SAT Verbal Writing
- ทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับ โครงสร้างประโยค
- เครื่องหมายวรรคตอน คำศัพท์
- การจัดเรียงเนื้อหา โดยโจทย์อาจจะกำหนดให้เราย้ายประโยคเพื่อทำให้บทความมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
- การใช้ข้อมูลจากกราฟ หรือตารางที่มาพร้อมกับบทความ เราจะต้องวิเคราะห์ว่าข้อมูลจากกราฟ หรือตารางสามารถช่วยซับพอร์ตใจความได้หรือไม่
การคิดคะแนน SAT Verbal
- นำคะแนนตามจำนวนข้อที่ทำถูก (Raw Score) มาเปลี่ยนเป็นคะแนนสอบ (Test Score) โดยเทียบกับตารางด้านบน เช่น Raw Score ในพาร์ทSAT Verbal Reading = 23 ดังนั้น Test Score = 24
และ Raw Score ในพาร์ท SAT Verbal Writing = 33 ดังนั้น Test Score = 31
- นำคะแนนทั้ง 2 พาร์ทมารวมกันและนำไปคูณ 10 ดังนั้น 24+31 = 55 55x10 = 550 คะแนน
*** วิธีการนี้คือการคำณวนคะแนนคร่าว ๆ เนื่องจาก Range คะแนนของข้อสอบแต่ละชุดไม่เท่ากัน***
เกณฑ์คะแนน SAT Verbal สำหรับหลักสูตรนานาชาติ
จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย |
|
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
|
ข้อสอบ SAT Math
สำหรับข้อสอบ SAT Math นั้น มีเนื้อหาเทียบเท่าคณิตศาสตร์ ม.ต้น (หลักสูตรไทย) และ มีเนื้อหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย เล็กน้อย ซึ่งถือว่าง่ายพอสมควร เพราะวัดเพียงแค่ 4 ทักษะได้แก่
- Heart of Algebra
- Problem solving and Data Analysis
- Passport to Advanced Math
- Additional Topics
ข้อสอบ SAT Math ในแต่ละพาร์ท รูปแบบข้อสอบ (test format) จะมีหลากหลาย แตกต่างกันด้วย ดังนั้นก่อนที่จะไปสอบ ต้องรู้จักรูปแบบข้อสอบกันก่อนว่า SAT Math ยากไหม? เข้าห้องสอบไปแล้ว จะเจอข้อสอบหน้าตาแบบไหน? โจทย์จะให้เราทำอะไรบ้าง?
ข้อสอบ SAT Math นั้นจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
- ข้อสอบ SAT Math แบบที่ให้ใช้เครื่องคิดเลข (Calculator) จำนวน 38 ข้อ
- ข้อสอบ SAT Math แบบที่ไม่ให้ใช้เครื่องคิดเลข (No Calculator) จำนวน 20 ข้อ
- Heart of Algebra* – หัวข้อนี้ ข้อสอบSAT Math ออกเยอะสุด ประมาณ 33% ของข้อสอบทั้งหมด (ออกสอบทั้งพาร์ท Calculator และ No Calculator) ไม่ว่าจะเป็น
- การแก้สมการเส้นตรง 1 ตัวแปร
- ระบบสมการเส้นตรง 2 ตัวแปร
- อสมการเส้นตรง
- การตีความค่าคงที่ในสมการ/อสมการแก้โจทย์ปัญหาการวาดกราฟเส้นตรง
- ระบบสมการ+อสมการทุกสิ่งอย่างที่เป็นเส้นตรง
2. Problem Solving and Data Analysis – หัวข้อนี้ ข้อสอบ SAT Math ออกคิดเป็น 29% ของข้อสอบทั้งหมด (ออกสอบเฉพาะพาร์ท Calculator อย่างเดียว) เนื้อหาจะเป็นดังนี้
- อัตราส่วน เปอร์เซ็นต์
- ตารางข้อมูล พร้อมให้กราฟแบบ Scatterplot มา แล้วให้ตีความจากกราฟส่วนมากจะไม่ได้คำนวณเยอะมาก เน้นการตีความจากสิ่งที่โจทย์ให้มา
- ความน่าจะเป็น (พื้นฐาน+ใช้ในชีวิตจริง)
- สถิติพื้นฐาน
- การหาค่ากลางต่างๆ
- แผนภาพกราฟ
- แผนภาพกล่อง
- ค่าช่วงความเชื่อมั่น
- การวิเคราะห์ข้อมูล เปรียบเทียบการกระจายของข้อมูล
3. Passport to Advanced Math – ข้อสอบSAT Math หัวข้อนี้ ออกคิดเป็น 28% เนื้อหาจะเป็นสมการพหุนามดังนี้ (ออกสอบพาร์ท Calculator และ No Calculator)
- สมการกำลังสอง สมการกำลังสาม
- กราฟพาราโบลา
- เลขยกกำลัง
- โจทย์ปัญหาสมการพหุนาม
- การตีความค่าคงที่ในสมการ
- แก้สมการติดรูท ติดเลขยกกำลัง ติดเศษส่วน, พหุนาม, กราฟ, ฟังก์ชันต่างๆ
4. Addition Topics in Math – หัวข้อนี้พบในข้อสอบ SAT Math ประมาณ 10% (ออกสอบพาร์ท Calculator และ No Calculator) เนื้อหาจะเป็นดังนี้.
- เรขาคณิตทั้งหมด
- หามุมเส้นรูปเหลี่ยมทั้งหมด
- หาพื้นที่
- สามเหลี่ยมคล้าย
- วงกลม
- ตรีโกณมิติ
- ปริมาตรของรูปทรงต่างๆ
- พื้นฐานของจำนวนเชิงซ้อน
[สรุป] ข้อสอบ SAT Math ออกเรื่องอะไรบ้าง?
เวลาที่กำหนด (รวม) |
80 นาที |
Calculator 38 ข้อ |
55 นาที |
No calculator 20 ข้อ |
25 นาที |
จำนวนข้อสอบ SAT Mathทั้งหมด |
58 ข้อ |
100% |
ข้อสอบ 4 ตัวเลือก (Multiple Choice) |
45 ข้อ |
78% |
ข้อเขียน (Grid-In) |
13 ข้อ |
2 |
|
2. Problem Solving and Data Analysis
|
3. Passport to Advanced Math
|
4. Additional Topics in Math
|
ตัวอย่าง วิดีโอ การสอบ SAT ผ่านทาง College Board
คะแนน SAT เต็มเท่าไร?
- Evidence–Based Reading & Writing หรือที่เรียกว่า SAT Verbal ใช้เวลา 1 ชม. 40 นาที (คะแนนเต็ม 800 คะแนน) แบ่งข้อสอบออกเป็น 2 ชุด คือ
- Reading มี 52 ข้อ
- Writing and Language มี 44 ข้อ จาก 4 บทความ
- Mathematics มีเวลา 1 ชม. 20 นาที
(คะแนนเต็ม 800 คะแนน) แบ่งเป็นข้อสอบ 2 ชุด คือ
- Math Test – No calculator มี 20 ข้อ 25 นาที โดยข้อ 1 - 15 เป็นปรนัย (Choice) และ ข้อ 16 – 20 เป็นอัตนัย (Grid in)
- Math Test – Calculator มี 38 ข้อ 55 นาที โดยข้อ 1 – 30 เป็นปรนัย (Choice) และข้อ 31 – 38 เป็นอัตนัย (Grid in)
ตัวอย่างการตอบเป็นอัตนัย
คะแนนเหล่านี้ถูกเปลี่ยนมาจาก Raw Score พูดง่ายๆ ก็คือคำนวณมาจาก จำนวนข้อที่เราทำถูกนั่นเอง ข้อที่ผิด จะไม่ถูกหักคะแนน ส่วนข้อที่ไม่ได้ทำก็คือ 0 คะแนน
Raw Score กลายมาเป็น 800 คะแนน ได้อย่างไร?
เราจะรู้ได้ยังไงว่าต้องทำให้ได้กี่ข้อ ถึงจะได้ SAT Math 700 คะแนนขึ้นไป? รู้ได้ไงว่าผิดแค่หนึ่งข้อจะเหลือ 790 คะแนน หรือ 780 คะแนน?
ระบบการเทียบคะแนนของ SAT Math จะใช้ระบบ EQUATING SCORE ที่จะทำให้แน่ใจได้ว่าระดับความยากของข้อสอบในแต่ละรอบ และระดับความสามารถของผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ในรอบเดียวกัน จะไม่ส่งผลต่อคะแนนของผู้เข้าสอบ
อธิบายง่าย ๆ คือ คะแนนที่จะได้นั้นเป็นตัวบ่งบอกความสามารถของของผู้เข้าสอบจริงๆ โดยไม่สนใจว่า จะสอบมาจากรอบใด ข้อสอบยากแค่ไหน หรือคนอื่นได้คะแนนเท่าไร การคิดคะแนนแต่ละรอบ จึงไม่เหมือนกันเลย ทำให้เราไม่สามารถรู้วิธีคิดเท่าไร จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมบางคนทำ simulation test ได้คะแนนเท่านี้ แต่พอเข้าสอบจริง ได้คะแนนต่างกับที่เคยทำมานั่นเอง
SAT MATH คิดคะแนนยังไง?
SAT Math คิดคะแนน โดยการรวมคะแนน Raw Score จากทั้งสองพาร์ท Calculator และ No Calculator เข้าด้วยกัน นำไปเทียบกับตารางคะแนนจาก College Board Raw Score Conversion เช่น ได้ Raw Score รวม 2 พาร์ท เท่ากับ 50 คะแนน แสดงว่า Range คะแนนที่ได้ คือ 690 – 710 คะแนน
Raw Score Conversion Table (SAT Math)
Raw Score (# of correct answers) |
Math Section Score |
0 |
200 |
1 |
200 |
2 |
210 |
3 |
230 |
4 |
240 |
5 |
260 |
6 |
280 |
7 |
290 |
8 |
310 |
9 |
320 |
10 |
330 |
11 |
340 |
12 |
360 |
13 |
370 |
14 |
380 |
15 |
390 |
16 |
410 |
17 |
420 |
18 |
430 |
19 |
440 |
20 |
450 |
21 |
460 |
22 |
470 |
23 |
480 |
24 |
480 |
25 |
490 |
26 |
500 |
27 |
510 |
28 |
520 |
29 |
520 |
30 |
530 |
31 |
540 |
32 |
550 |
33 |
560 |
34 |
560 |
35 |
570 |
36 |
580 |
37 |
590 |
38 |
600 |
39 |
600 |
40 |
610 |
41 |
620 |
42 |
630 |
43 |
640 |
44 |
650 |
45 |
660 |
46 |
670 |
47 |
670 |
48 |
680 |
49 |
690 |
50 |
700 |
51 |
710 |
52 |
730 |
53 |
740 |
54 |
750 |
55 |
760 |
56 |
780 |
57 |
790 |
58 |
800 |
เกณฑ์คะแนน SAT Math สำหรับหลักสูตรนานาชาติในคณะที่ยอดฮิต
เกณฑ์ขั้นต่ำ |
BBA TU |
BE TU |
ISE CU |
SAT-MATH |
600 |
650 |
620 |
คะแนน SAT อยู่กี่วัน?
คะแนนสอบ SAT มีอายุการใช้งานถึง 2 ปีนับจากวันที่ผลคะแนน SAT ประกาศ ถึงแม้คะแนน SAT จะมีอายุเพียงแค่ 2 ปีแต่ข้อสอบ SAT สามารถสอบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่จำกัดอายุของผู้สอบ ดังนั้นเมื่อเรามีการวางแผนไว้แล้วว่าจะเข้าศึกษาต่อในคณะไหน เราสามารถสอบ SAT เตรียมไว้ได้ตั้งแต่ ม.5 หรือ เกรด 11
ได้รับคะแนน SAT ภายในกี่วัน?
โดยปกติแล้วเราจะได้รับคะแนน SAT ภายในเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ โดยที่เราสามารถเลือกวิธีการส่งคะแนน SAT ได้ 3 แบบ
- ส่งคะแนน SAT แบบฟรี เราสามารถกดเลือกให้ทาง College Board จัดส่งคะแนน SAT ให้กับทางคณะที่เลือกไว้ได้ตั้งแต่วันที่สมัครสอบไปจนถึง 9 วันหลังจากสอบ SAT หลังจากนั้นคะแนน SAT จะถูกส่งไปที่ทางคณะ ระยะเวลาส่ง 10 วัน
- ส่งคะแนน SAT แบบ Standard เมื่อเราต้องการให้ผลคะแนน SAT ภายใน 9 วันหลังสอบเสร็จ หรือต้องการส่งผลคะแนนมากกว่า 4 ชุด จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นชุดละ $12โดยใช้ระยะเวลาในการส่งคะแนนเป็นเวลา 10 วัน
- ส่งคะแนน SAT แบบ Rush เป็นการส่งคะแนน SAT รวดเร็วกว่าปกติโดยต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม $31 จากการส่งคะแนน SAT แบบ Standard โดยจะใช้เวลาจัดส่งคะแนน SAT 2-4 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดและเสาร์อาทิตย์)
สมัครสอบ SAT ยังไง?
สำหรับขั้นตอนการสมัครสอบ SAT นั้น เริ่มจากการเข้าเว็บไซต์ของ College Board.org กด Register now แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้
- เลือกเมนู Sign Up แล้วให้เลือกว่าเป็นนักเรียน หรือหากใครเคยมีข้อมูลอยู่แล้ว ให้ทำการ Sign in ได้เลย
2. สร้าง Account ของเราเอง โดยกรอกข้อมูลส่วนตัวตามที่ระบุ ระบบจะขึ้นข้อมูลของเรามาให้เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ และวัน เดือน ปี เกิด เป็นต้น
3. สร้าง Username และ Password ต้องมี 9-30 ตัว มีพิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก และ ตัวเลข และ สัญลักษณ์ ระวังห้ามลืม Username และ Password จะทำให้ Log In เข้าไปไม่ได้อีก
4. จากนั้นเลือก I agree to the Terms & Conditions เพื่อยอมรับเงื่อนไขของทาง Scholastic Assessment Tests
5. หลังจาก Log In เข้ามาแล้ว ให้กดไปที่ Register for the SAT
6. กรอกข้อมูลส่วนตัวตามที่ระบบให้กรอก โดยทั่วไปจะเน้นไปที่ข้อมูลด้านการเรียนของตัวเราเอง รวมไปถึงข้อมูลการทำกิจกรรมที่เราสนใจและข้อมูลการเรียนต่อที่เราวางแผนไว้
7. เลือกรอบสอบ SAT และสนามสอบ SAT จากนั้นทำการอัพโหลดรูปถ่าย
8. หลังจากนั้นจะมี Admission Ticket ให้เรา Print เพื่อนำไปยื่นคู่กับพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนตัวจริงในวันสอบ เราจะ Print ไว้เลยหรือจะเข้าระบบมา Print ภายหลังอีกครั้งก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่าง วิดีโอ วิธีการสมัครสอบ SAT ผ่านทาง College Board
ค่าสอบ SAT เท่าไร?
หลังจากสมัครสอบ SAT เสร็จแล้ว มี Admission Ticket เรียบร้อย Test Center จะคอนเฟิร์มศูนย์สอบ SAT Math มาใน Email ให้เราภายใน 1 สัปดาห์ มาถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน
- ค่าสอบ SAT Registration $49.50
- ค่าสอบ SAT ที่ไทย (นอก US ทั้งหมด) จะมีค่า International Registration Fee $53.00
- ค่าสอบ SAT รวมแล้วสำหรับการสอบในประเทศไทยจะอยู่ที่ $102.5 (ประมาณ 3075 บาท)
- กด Make Payment แล้วเลือกว่าจะจ่ายด้วยวิธีใด แล้วกด Submit ระบบจะให้กรอกข้อมูล
วิธีสมัครสอบ SAT เมื่อ College Board บอกว่า สนามสอบ SAT เต็ม
ใครที่สมัครสอบ SAT แล้ว แต่เจอเหตุการณ์ ‘สนามสอบ SAT เต็ม’ หรืออาจจะว่างแค่สนามสอบที่เป็นจังหวัดอื่นที่ไกลและเดินทางไม่สะดวก อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะกรณีแบบนี้สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก
- ก่อนอื่นให้เลือกคำว่า Let College Board find a test center for you และ เลือก ideal test center ใกล้บ้าน จากนั้นจะมีรายชื่อศูนย์สอบต่างๆ ขึ้นมา
ให้เรากดเลือกสนามสอบที่ต้องการ เพื่อรอเป็น Waiting List ของศูนย์สอบนั้น และจะมีการคอนเฟิร์มกลับมาทางอีเมลหลังจากการชำระเงินประมาณ 1-3 สัปดาห์ ว่าสนามสอบของเราคือที่ไหน ซึ่งเราอาจจะได้สนามสอบตามที่เราเลือกไว้หรืออาจจะได้สนามสอบอื่นก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ตามที่เลือกไว้มากนัก เนื่องจากจะมีการกระจายรายชื่อของ Waiting List ไปยังศูนย์สอบใหญ่ๆ มากกว่า ดังนั้นหากรู้ตัวแล้วว่าได้ศูนย์สอบไหน ควรศึกษาเส้นทาง และวิธีการเดินทางเผื่อเอาไว้เลย
วันสอบ SAT ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง?
- Admission Ticket ของรอบสอบนั้นๆ สำหรับใครที่สมัครสอบไว้หลายรอบแนะนำว่าต้องระมัดระวังเรื่อง Admission Ticket ที่ไม่ตรงกับรอบสอบ
- บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ดินสอ 2B และเครื่องคิดเลขตามรูปแบบที่ Scholastic Assessment Test กำหนด ซึ่งจะเป็นเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ที่ไม่สามารถแสดงกราฟได้
ข้อสอบ SAT Math ห้ามใช้เครื่องคิดเลขที่แสดงกราฟได้
การเลือกศูนย์สอบ SAT ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
- สอบ SAT กี่โมง?
วันสอบ SAT ควรจะต้องเดินทางไปถึงสนามสอบ ภายในเวลา 7.45 น. เนื่องจากประตูจะเปิดให้เราเริ่มทยอยขึ้นห้อง และจะปิดเวลา 8.00 น. สิ่งที่ต้องพิจารณาหลักๆ ในการเลือกสนามสอบเลย ก็คือ เรื่อง ความสะดวก สบาย ใกล้บ้าน ง่ายต่อการเดินทาง เพื่อที่จะได้ไปถึงสนามสอบได้ทันเวลา และไม่เร่งรีบจนเกินไป
- การจัดสอบ SAT ของแต่ละศูนย์สอบ
แม้ว่าระบบการสอบ SAT จะเป็นมาตรฐาน ขั้นตอนต่างๆ จะคล้ายกันทุกโรงเรียนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แต่ละโรงเรียนจะมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ในเรื่องของการจัดการ เช่น บางโรงเรียน นักเรียนทุกคนสอบห้องเดียว เป็นห้องประชุมใหญ่ แต่บางโรงเรียนจะแบ่งนักเรียนเป็นห้องเล็กๆ บางโรงเรียนใช้นาฬิการวมจับเวลาพร้อมกันทั้งหมด นักเรียนทุกคนสอบเสร็จพร้อมกัน แต่บางโรงเรียนใช้นาฬิกาแยกห้องเรียน ครูคุมสอบต่างคนต่างจับเวลา ห้องไหนเริ่มจับเวลาก่อน ก็สอบเสร็จก่อน เป็นต้น
- ที่จอดรถ
ลานจอดรถ ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะบางโรงเรียน มีลานจอดรถไม่พอ ดังนั้น ต้องวางแผนว่าเมื่อจะนำรถไปแล้ว จะไปจอดตรงไหน หากไม่มีที่จอดรถ ก็แนะนำให้ ลงที่สนามสอบ และให้ผู้ปกครองนำรถไปจอดที่อื่น หรืออาจมารับกลับภายหลังหลังสอบเสร็จ
เทคนิคทำข้อสอบ SAT Math
- เรียนรู้คำศัพท์ SAT เฉพาะที่ต้องเจอในข้อสอบ SAT Math
เนื่องจากข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ เราต้องเจอคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์ที่ไม่เคยพบมาก่อน อย่างเช่นคำว่า Vertex ซึ่งแปลว่า จุดยอด เป็นต้น
ดังนั้นในส่วนนี้เราต้องเตรียมตัวคำศัพท์เนื้อหา SAT Math ล่วงหน้าให้ดี
- ทำโจทย์ข้อสอบ SAT Math ให้มาก
การทำโจทย์ข้อสอบ SAT Math จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับข้อสอบ มีกลยุทธ์แนะนำดังนี้
-
- เริ่มต้นทำโจทย์ข้อสอบ SAT Math โดยไม่จับเวลาก่อน เพื่อให้เราคุ้นเคยว่าแนวทางของข้อสอบ เป็นแบบไหนบ้าง ในขณะเดียวกันจะได้ไม่กดดันตัวเองเกินไปหรือรู้สึกท้อ โดยเฉพาะถ้าทำข้อสอบไม่ได้
- เมื่อรู้สึกว่าคุ้นเคยและเข้าใจเนื้อหา SAT Math รวมถึงแนวทางข้อสอบในระดับหนึ่งแล้ว เราค่อยลอง ทำข้อสอบ SAT Math แบบจับเวลา ให้เหมือนว่าอยู่ในห้องสอบอีกครั้ง
- หลังจากจับเวลาทำข้อสอบ SAT Math จนชำนาญแล้ว ลองทำข้อสอบ SAT แบบจับเวลาทั้ง SAT Math และ SAT Verbal พร้อมกัน
เมื่ออยู่ในห้องสอบ SAT
- ทำข้อสอบอย่างมีสมาธิ
ตอนทำข้อสอบอยากให้ทุกคนเริ่มต้นอย่างมีสมาธิ ข้อสอบ SAT Math ให้เวลาจำกัดมากๆ เราจึงต้องใช้สมาธิอย่างมากในการทำข้อสอบให้เร็วและแม่นยำมากๆ เวลาที่เจอข้อสอบยากๆ หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ อย่าเพิ่งร้อนรน ตั้งสติแล้วข้ามไปทำข้อง่ายก่อน คนที่ได้คะแนน SAT สูง มักจะทำข้อง่ายให้เสร็จก่อนแล้วเหลือเวลามาทำข้อยากทีหลัง
- รอบคอบ
ข้อสอบ SAT MATH บางส่วนเป็นแบบ Multiple Choice เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังให้ดีในเรื่องความผิดพลาดแบบประมาท เช่น ฝนคำตอบผิดข้อ ฝนผิดช่อง ฝนผิดกฎ ลืมทำข้อสอบ ลืมเขียนชื่อ ลืมฝนข้อมูลส่วนตัว เป็นต้น
เรียน SAT Math ที่ไหนดี?
เพื่อให้การทำคะแนนนั้นเป็นไปตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ แน่นอนว่าการเตรียมตัวให้พร้อมนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ยิ่งเตรียมตัวดี เตรียมตัวล่วงหน้าได้นาน ก็จะยิ่งได้เปรียบ ที่ Opendurian จึงมีคอร์สเรียน SAT Math ออนไลน์เพื่อเตรียมสอบ SAT Math โดย SAT MATH by Kru P' Boy สิ่งที่คุณจะได้รับ
- จับหลักข้อสอบได้ โดยไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้
- อ่านโจทย์แล้วจับ Keyword ได้ โดยอธิบายแบบเจาะลึกทุกพาร์ท
- ฝึกแนว SAT Math จากข้อสอบจริง พร้อมหนังสือประกอบการเรียน