หารด้วย $2,4,8$ ลงตัว
เมื่อตัวหารเป็น $2$ เราทราบว่าดูเพียงเลขโดดหลักหน่วยก็รู้ว่าหารด้วย $2$ ลงตัวหรือไม่ คือ ดูว่าเลขโดดหลักสุดท้ายเป็นเลขคู่ หรือเลขในเซต $\left\{0,2,4,6,8\right\}$ หรือไม่ก็พอ เช่น $123,456$ เป็นเลขคู่ เพราะว่าเลขโดดในหลักหน่วย คือ เลข $6$ เป็นเลขคู่นั่นเอง
ในทำนองเดียวกัน เมื่อเราต้องการตรวจสอบว่าตัวเลขหนึ่งหารด้วย $4$ ลงตัวหรือไม่ เราใช้วิธีดูสองตัวท้าย เช่น
$123,456$ จะหารด้วย $4$ ลงตัวหรือไม่
เราดูแค่ $56$ ก็พอ และเนื่องจาก $56$ หารด้วย $4$ ลงตัว
ดังนั้น $123,456$ จึงหารด้วย $4$ ลงตัวไปด้วย
และในทำนองเดียวกัน ในการตรวจสอบว่าตัวเลขหนึ่งหารด้วย $8$ ลงตัวหรือไม่ เราใช้วิธีดูสามตัวท้าย เช่น
$123,456$ จะหารด้วย $8$ ลงตัวหรือไม่
เราดูแค่ $456$ ก็พอ และเมื่อลองหารดู พบว่า $456$ หารด้วย $8$ ได้ $57$ ซึ่งถือว่าหารลงตัว
ดังนั้นเราจึงสรุปว่า $123,456$ หารด้วย $8$ ลงตัว
นอกจากการตรวจสอบการหารลงตัวแล้ว เทคนิคข้างบนยังใช้ช่วยในการหาเศษเหลือได้ด้วย เช่น $1,234,567$ หารด้วย $4$ เหลือเศษเท่าใด เราก็ดูเพียงแค่ "$67$ หารด้วย $4$ เหลือเศษเท่าใด" ก็พอ ซึ่งในที่นี้ $67$ หารด้วย $4$ เหลือเศษ $3$ เราจึงสรุปได้ว่า $1,234,567$ หารด้วย $4$ ก็เหลือเศษ $3$ เช่นกัน
หารด้วย $3$ หรือ $9$ ลงตัว
ในการหารด้วย $3$ หรือ หารด้วย $9$ เราสามารถใช้ผลบวกของเลขโดดทุกหลักมาคำนวณแทนได้ เช่น
ให้ตรวจสอบว่า $123,456$ หารด้วย $3$ หรือ $9$ ลงตัวหรือไม่
เราก็คำนวณผลบวกของเลขโดดทั้งหมดของ $123,456$ คือ
$$1+2+3+4+5+6 = 21$$
ซึ่งจะเห็นว่า $21$ หารด้วย $3$ ลงตัว แสดงว่า $123,456$ ก็หารด้วย $3$ ลงตัวเช่นกัน
ในขณะที่ $21$ หารด้วย $9$ ไม่ลงตัว แสดงว่า $123,456$ หารด้วย $9$ ไม่ลงตัว
$123,456$ หารด้วย $3$ ลงตัว แต่หารด้วย $9$ ไม่ลงตัว
นอกจากการตรวจสอบการหารลงตัวแล้ว วิธีการนี้ก็สามารถใช้กับการคำนวณเศษเหลือจากการหารด้วย $3$ หรือ $9$ ได้เช่นเดียวกัน เช่น หากเราต้องการทราบว่า $123,456$ หารด้วย $9$ เหลือเศษเท่าใด เราก็คำนวณผลบวกเลขโดด คือ $1+2+3+4+5+6 = 21$ ซึ่งจะได้ $21$ มาหารด้วย $9$ แล้วเหลือเศษ $3$ ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า $123,456$ หารด้วย $9$ เหลือเศษ $3$ นั่นเอง
ในกรณีที่ผลบวกเลขโดดมีค่ามากๆ เราสามารถนำเลขโดดของผลบวกนั้นๆ มาบวกกันต่อ ก่อนที่จะนำมาตรวจสอบก็ได้ เช่น $1+2+3+4+5+6=21$ แทนที่จะเอา $21$ ไปตรวจสอบเลย เราสามารถนำเลขโดดของ $21$ มาบวกกันก่อนได้ $2+1 = 3$ ซึ่งจะเห็นว่าใช้เลข $3$ ตรวจสอบ ง่ายกว่าใช้เลข $21$ ตรวจสอบขึ้นไปอีก