5 Grammar ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ที่ควรรู้! แกรมม่าใช้สอบ TOEIC และใช้ในชีวิตประจำวัน
(toeic technique grammar)

5 Grammar ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

ที่ควรรู้! ใช้สอบ TOEIC และในชีวิตประจำวัน

 

เวลาเรียนภาษาอังกฤษนั้น ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ หรือที่เราเรียกกันว่า แกรมม่า (Grammar) ก็นับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อไปสอบเช่น สอบ TOEIC หรือแม้กระทั่งเรียนเพื่อไปใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าอยากใช้ให้ถูกโครงสร้าง เพิ่มความเป๊ะของภาษา ก็ต้องรู้จักแกรมม่าภาษาอังกฤษไว้ด้วยนะ!

ลองมาดูไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ 5 เรื่องที่เป็นพื้นฐานสำหรับคนเรียนภาษาอังกฤษกันเลย!

 

1. Part of Speech
 

Part of Speech คือประเภทของคำในภาษาอังกฤษ เช่น Noun, Verb, Adjective, Adverb, Pronoun, Preposition, Conjuntion เป็นต้น

ซึ่งเวลาเราเริ่มเรียน ก็มักจะเริ่มจาก 4 ประเภทหลักก่อนคือ


▶ Noun: คำนามเป็นคำที่ไว้ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรมด้วย เช่น chair, boy, dog, love, tree เป็นต้น

Noun ยังสามารถมองและแบ่งออกได้หลายแบบ ตามการใช้งาน เช่น

  • Common-Proper Nouns (คำนามทั่วไป-ชี้เฉพาะ)
  • Countable-Uncountable Nouns (คำนามนับได้-นับไม่ได้)
  • Singular-Plural Nouns (คำนามเอกพจน-พหูพจน์)


หน้าที่หลักของ Noun

  • เป็น Subject ของประโยค
  • เป็น Object ของประโยค
  • เป็น Object of Preposition

 

▶ Verb: คำกริยาเป็นคำที่ใช้แสดงการกระทำหรือสถานะของคำนามที่เป็น Subject ในประโยค เช่น eat, sleep, walk, feel, seem เป็นต้น

ซึ่งประเภทของ Verb หลัก ๆ คือ

  • Main Verb (กริยาหลัก)
  • Helping Verb (กริยาช่วย)

แต่ทั้ง 2 แบบก็จะมีประเภทย่อยเจาะลึกลงไปอีก ถ้าเธออยากเป๊ะจริง ๆ แนะนำให้ไปเรียนกันต่อในหนังสือ Grammar GO! ได้เลย เพราะอธิบายไว้ครบทุกแบบ เนื้อหาละเอียด และมีตัวอย่างให้เธอพร้อมเลยค่ะ

 

สรุปครบทุกเรื่อง Grammar ต้องรู้!

หนังสือไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

 

▶ Adjective: เป็นคำใช้บอกรายละเอียดของคำนาม คำสรรพนาม เช่นจำนวน สี ลักษณะทางกายภาพ เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น black, old, delicious, many, American

 

▶ Adverb: คำที่ไว้ขยาย Verb และสามารถขยาย Adj. หรือ Adv. ได้ด้วย ส่วนมากมักจะลงท้ายด้วย -ly แต่ก็มีบางคำที่อาจจะไม่มี -ly นะ ตัวอย่างเช่น loudly, happily, often, later, already, sometimes เป็นต้น

Adv. เองจะแบ่งเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ คือ

  • Adverb of Manner (บอกลักษณะอาการ)
  • Adverb of Place (บอกสถานที่)
  • Adverb of Time (บอกเวลา)
  • Adverb of Frequency (บอกความถี่)
  • Adverb of Degree (บอกระดับ)

เธอตามไปอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง Adverb ทั้ง 5 แบบได้ที่นี่เลย

 

Part of Speech ในข้อสอบ TOEIC

โจทย์ข้อสอบ TOEIC ที่วัดเรื่อง Part of Speech มักจะให้คำหลักมาคำเดียว แต่จะแตกต่างกันที่ประเภทคำ เช่น

(A) select    

(B) selective           

(C)selection            

(D) selecting
 

ถ้าเห็นตัวเลือกแบบนี้ จะรู้เลยว่าข้อนี้กำลังวัดเรื่อง Part of Speech อยู่ ดังนั้นให้ไปสังเกตตรงคำก่อน-หลัง ช่องว่างให้ดีว่าเป็นคำประเภทไหน และบ่อยครั้งที่โจทย์วัด Part of Speech นั้นไม่ต้องแปลออกหมดก็สามารถตอบได้อย่างรวดเร็ว ลองไปดูตัวอย่างโจทย์กัน

 

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC (วัด Part of Speech)

101. Users of this software appreciate having their travel expenses ----- recorded in the database.

(A) system

(B) systematic

(C) systematically

(D) systematize

ดูจากตัวเลือก รู้ทันทีว่าวัดเรื่อง Part of Speech แน่นอน เมื่อย้อนกลับไปดูตรงช่องว่าง จะเห็นว่าหลังช่องว่างเป็น V. (recorded) ดังนั้นคำที่จะสามารถวางหน้า V. เพื่อขยายได้ ก็คือ Adv. นั่นเอง ตอบข้อ C เพราะ Adv. มักลงท้ายด้วย -ly

 

2. Pronouns

Pronoun หรือคำสรรพนามเองก็เป็นหนึ่งใน Part of Speech ที่ควรรู้จักไว้นะเธอ เพราะเวลาเราใช้ภาษาอังกฤษ เราไม่สามารถจะเรียกบางสิ่งด้วยคำนามตลอดได้ มันจะดูแปลกและไม่เป็นธรรมชาติมากเธอ! ดังนั้นเค้าเลยมีคำสรรพนามขึ้นมา เพื่อให้เอาไว้ใช้เรียกแทนคนาม จะได้ไม่ต้องพูดถึงคำนามเดิมซ้ำ ๆ ไงล่ะ

Pronouns จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก คือ

Subject Pronoun

Object Pronoun

Possessive Adjective

Possessive Pronoun

Reflexive Pronoun

I

me

my

mine

myself

you

you

your

yours

yourself

he

him

his

his

himself

she

her

her

hers

herself

it

it

its

---

itself

we

us

our

ours

ourselves

they

them

their

theirs

themselves

ตามไปอ่านวิธีการใช้ Pronouns ทั้ง 5 แบบได้เลย

 

Pronouns ในข้อสอบ TOEIC

โจทย์วัด Pronouns นั้น สามารถดูจากโครงสร้างการใช้ได้ โดยที่ถึงจะแปลไม่ออกทั้งหมด ก็ยังสามารถทำได้ ตัวเลือกที่ให้มาก็จะเป็น Pronoun ในรูปต่างๆ เช่น

(A) she                  

(B) her             

(C) hers                         

(D) herself
 

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC (วัด Pronouns)

111. Ms. Freibey called the bank to ask about the savings account ------- had opened last month.

(A) she

(B) her

(C) hers

(D) herself

หากจำเทคนิคที่ครูดิวสอนในคอร์สได้ ข้อนี้ก็ง่ายๆ เลยค่ะ เพราะด้านหลังช่องว่างเป็น V. แสดงว่า Pronoun ที่หายไปตรงนี้ต้องทำหน้าที่เป็น S. ของประโยค ก็คือ she ที่เป็น Subject Pronoun นั่นเอง

 

3. Prepositions

Preposition หรือคำบุพบท จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ


▶ Preposition of Time (บอกเวลา) เช่น in, on, at, before, after, during, since, for เป็นต้น

ตัวที่จะใช้บ่อยคือ

In: ใช้กับช่วงเวลาของวัน หรือเดือน ปี ฤดูกาล เช่น in the morning, in 1988, in July, in summer

On: ใช้กับวัน วันที่ วันหยุดพิเศษ เช่น on Monday, on 25th, on Christmas

At: ใช้กับเวลา ช่วงเวลากว้าง ๆ ระยะเวลาช่วงเทศกาล เช่น at 10 AM, at night, at noon, at New Year


ส่วนคำอื่น ๆ เธอตามไปเรียนกันต่อในหนังสือ Grammar GO! กันนะเธอ ครูมีอธิบายไว้ละเอียดมาก มาพร้อมตารางการใช้และตัวอย่างเลยค่ะ จัดเต็มสุด ๆ

 

▶ Preposition of Place (บอกสถานที่) เช่น in, on, at, under, between, among, behind, opposite เป็นต้น

ประเภทนี้จะเอาไว้บอกสถานที่ตั้งของคำนามว่าอยู่ตรงไหน เช่น 

  • The toy is under the table.
    (ของเล่นอยู่ใต้โต๊ะ)
     
  • My car is in the garage.
    (รถฉันอยู่ในโรงรถ)

 

▶ Other Prepositions (คำบุพบทอื่น) เช่น with, by, except, unless, about เป็นต้น

กลุ่มนี้จะเป็นคำบุพบทที่ไม่ได้ใช้ในกรณีบอกเวลาหรือสถานที่นั่นเอง เช่น

  • I went to the park with my friends.
    (ฉันไปสวนกับเพื่อน ๆ)
     
  • We traveled to London by train.
    (พวกเราเดินทางไปลอนดอนโดยรถไฟ)

 

Preposition ในข้อสอบ TOEIC

ข้อที่วัดเรื่อง Preposition นี้ จะแบ่งการวัดเป็น 2 แบบคือ 1) วัดความหมาย และ 2) วัดแกรมม่า

ส่วนมากที่จะเจอ จะเป็นการวัดความหมายของ Preposition มากกว่า เช่น 

 

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC (วัดความหมาย Preposition)

102. Small bags can be placed in the overhead compartments or ------ the seat in front of you.

(A) among

(B) under

(C) between

(D) toward

ข้อนี้ตัวเลือกเป็น Prepo. แต่เมื่อดูจากโจทย์แล้ว ข้อนี้ "ต้องแปล" ถึงจะเลือกคำตอบได้ เป็นการวัดความหมายของ Prepo. ค่ะ โจทย์บอกว่า

"กระเป๋าใบเล็กสามารถเก็บในช่องเก็บสัมภาระเหนือที่นั่งได้ หรือ ------ ที่นั่งด้านหน้าท่าน"

among (ท่ามกลาง)     under (ข้างใต้)    between (ระหว่าง)    toward (ไปยัง)

คำที่เติมแล้วความหมายเหมาะมากที่สุดคือ (B) under 

 

ส่วนอีกแบบนั้นจะเป็นการวัด Prepo. ที่บางทีไม่ต้องแปลออกหมด ก็สามารถตอบได้ เช่น

 

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC (วัด Grammar ของ Prepo.)

103. Ms. Silva will step up ------ Mr. Coleman's replacement once he retires.

(A) above

(B) for

(C) with

(D) as

ข้อนี้วัด Prepo. ที่อยู่ในโครงสร้าง Phrasal Verb ซึ่งแม้เราจะแปลไม่ออกทั้งหมด แต่ถ้าเรารู้ว่า Phrasal Verb คำว่า "step up" ต้องใช้คู่กับ Prepo. "as" เพื่อให้ความหมายว่า "ขึ้นรับตำแหน่งในฐานะ" --- เราก็จะเลือกคำตอบที่ถูกต้องได้ค่ะ ข้อนี้เลยตอบ (D) as ค่ะ

 

อยากเป๊ะแกรมม่า ต้องเล่มนี้เลย!

หนังสือไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

 

4. Tenses

เรื่อง Tense ถือว่าเป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ได้เรียนกันทุกคนเธอ เรียนตั้งแต่เด็ก แต่ส่วนมากก็ยังใช้กันไม่ถูก เพราะมันมีตั้ง 12 Tenses ในบทความนี้ขอสรุปเป็นตารางให้สำหรับคนที่ต้องการจำโครงสร้างเพื่อเอาไปใช้แต่งประโยคหรือใช้สอบนะ

แต่เธอสามารถเข้าไปอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมแบบละเอียดได้ที่ สรุป 12 Tenses ภาษาอังกฤษ

สรุป 12 tense ภาษาอังกฤษ

 

Tense ในข้อสอบ TOEIC

โจทย์ที่ถามเรื่อง Tense จะสังเกตจากตัวเลือกได้ไม่ยาก เพราะก็จะให้ V. ในรูปแบบหลายๆ tense มานั่นเอง เช่น

(A) gets       

(B) were getting     

(C) will get              

(D) have gotten
 

ส่วนที่ยากของโจทย์แบบนี้อาจจะไม่ใช่การสังเกตว่าวัดเรื่องอะไร (เพราะดูจากตัวเลือกแล้วน่าจะเดาได้ไม่ยาก) แต่คือการหาคำตอบต่างหากว่าสรุปแล้วคำตอบควรเป็น tense อะไรดี? ดังนั้นต้องจำโครงสร้าง tense และkeyword ของแต่ละ tense ให้ดี

 

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC (วัด Tenses)

105. By the time she concludes her assignment overseas on May 20, Mr. Heartlock ------ over one hundred production facilities.

(A) will be inspected

(B) would inspect

(C) will have inspected

(D) is being inspected

ข้อนี้มีคำใบ้คือ "By the time + V.1" (By the time she concludes) ซึ่งเป็นคำบอกเวลาที่มักจะมาคู่กับ Future Perfect Tense ที่มีโครงสร้างคือ [will + have + V.3] ตรงกับข้อ (C) will have inspected ดังนั้นตอบข้อนี้ได้เลย

 

5. Conjunctions

คือคำเชื่อมหรือที่เรียกว่าคำสันธานนั่นเอง โดยคำเชื่อมที่เราใช้กันมี 3 แบบหลัก ๆ คือ

▶ Coordinating Conjunction

  • กลุ่มนี้ไว้เชื่อมคำ วลี ประโยค
  • จำง่าย ๆ ว่า กลุ่ม FANBOYS
  • For, And, Nor, But, Or, Yet, So

ตัวอย่างเช่น

  • They bought milk and cheese from the store.
    (พวกเขาซื้อนมและชีสจากร้านค้า)
     
  • I need to take a day off, for I’m not feeling well.
    (ฉันต้องหยุดพักสักวันเพราะว่าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย)
    *ถ้าเชื่อมประโยคต้องมี , หน้าคำเชื่อมเสมอนะ

 

▶ Correlative Conjunctions

  • เป็นคำเชื่อมที่มาเป็นคู่ ๆ
  • มักออกข้อสอบ TOEIC บ่อย
  • Either…or, Neither…nor, both…and, not only…but also…

ตัวอย่างเช่น

  • Both Tim and Tom love steamed fish.
    (ทั้งทิมและทอมชอบปลานึ่ง)
     
  • I like neither football nor basketball.
    (ฉันไม่ชอบทั้งฟุตบอลและบาสเก็ตบอล)

 

▶ Subordinating Conjuntions

  • ใช้เชื่อมประโยคหลักกับประโยคย่อย
  • เช่น because, since, while, when, although, until, so that

ตัวอย่างเช่น

  • Although the weather is bad, we still go for a picnic.
    (แม้ว่าอากาศจะแย่ แต่เราก็ยังออกไปปิกนิก)
     
  • I’m cooking while my husband is cleaning.
    (ฉันทำอาหารในขณะที่สามีกำลังทำความสะอาด)

 

Conjunctions ในข้อสอบ TOEIC

โจทย์ที่วัดเรื่องนี้ จะคล้ายกับเรื่อง Prepositions เพราะจะแบ่งเป็นโจทย์ที่วัด 1) ความหมาย และ 2) โครงสร้างการใช้ โดยเวลาดูตัวเลือก ก็จะเห็นเป็น conjunctions ในรูปต่างๆ
 

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC (วัดความหมาย Conjunctions)

106. ------ Oakwood Boulevard has been expanded, traffic jams are rarely seen in the area.

(A) Now that

(B) Only if

(C) Whenever

(D) Otherwise
 

ข้อนี้ความหมายของโจทย์บอกว่า "----- ถนนโอ๊ควู้ดถูกขยายออกแล้ว การจราจรติดขัดก็ไม่ค่อยมีให้เห็นในพื้นที่บริเวณนี้"

Now that (เนื่องจากตอนนี้)
Only if (ถ้าเพียงแต่)  
Whenever (เมื่อใดก็ตาม)  
Otherwise (มิฉะนั้นแล้ว)

จากความหมายแล้ว ตอบคำว่า Now that ความหมายจะเข้ากับประโยคมากที่สุด
 

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC (วัดโครงสร้างการใช้ Conjunctions)

107. Pearl Star Airlines suspended several flights yesterday ------ issues with its aircraft.

(A) because of

(B) however

(C) although

(D) whereas

ข้อนี้สังเกตว่าหลังช่องว่างนั้น ส่วนที่ตามมาเป็น Noun Phrase (นามวลี) คำที่สามารถตามด้วย N. Phrase ได้ ก็คือ (A) because of นั่นเอง ส่วนคำอื่นๆ นั้นต้องตามด้วยประโยค คือมี S. + V.

 

Grammar Go! สรุปครบ พร้อมสอบและใช้สนทนา

หนังสือไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

 

  • สรุป Grammar 15 เรื่อง คนเรียนภาษาอังกฤษต้องรู้
  • เนื้อหาละเอียดพร้อมตัวอย่างการใช้
  • มาพร้อมบทสนทนาที่ใช้ Grammar เรื่องนั้น ๆ เพื่อให้เข้าใจการใช้งานมากขึ้น
  • แบบฝึกหัดประยุกต์ใช้ทั้ง 4 สกิล (ฟัง/พูด/อ่าน/เขียน)
  • เทคนิคและเคล็ดลับจากครูดิวเพียบ!
  • เรียนสนุก พร้อมท่องโลกไปกับครูดิว
  • พิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม อ่านเพลิน ไม่น่าเบื่อชัวร์
  • พิเศษ! ของแถม และคอร์สเรียนเสริมจากครูดิว

 

 

คอร์ส KruDew ติว TOEIC!

ติว TOEIC ครูดิว พร้อมลองทำข้อสอบเหมือนจริง

ติว TOEIC กับครูดิว ดียังไง?

  • คอร์สติว TOEIC ของครูดิวนั้น เรียน Online
  • แบ่งบทเรียนชัดเจน เรียนง่ายไม่งง คลิ๊กเลือกบทเรียนที่ต้องการได้ทันที
  • สามารถหยุด, เล่นซ้ำบทเรียนที่ต้องการได้แบบไม่อั้น! (ตลอดระยะเวลาคอร์ส)
  • อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ใหม่ล่าสุด! ครบชุด!
  • มีไฟล์ E-Book (PDF) ประกอบการเรียนให้ดาวน์โหลด (และมีหนังสือเรียนเป็นเล่มส่งให้ถึงบ้าน)
  • เรียนเวลาไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ แค่มี Internet
  • หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทเรียน สามารถส่งคำถามหาทีมงานได้
  • การันตีคะแนน 750+ (หากสอบแล้วไม่ถึง สามารถแจ้งทวนคอร์สได้ฟรี!)

 

ทดลองติว TOEIC ฟรีได้ที่ >>> คอร์ส KruDew TOEIC 




 

คำคล้าย : -
Under Growing
"คลังความรู้" กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา พี่ๆ กำลังทยอยเพิ่มบทความและปรับปรุงรูปแบบให้อ่านง่าย ใช้ทบทวนความรู้ได้จริง รีเควสหัวข้อ หรือมีข้อเสนอแนะ ทวีตมาคุยกับพี่ๆ ได้เลยจ้า
คอร์สแนะนำ
หนังสือแนะนำ