เทคนิคเก็บคะแนน A-Level 70+ ที่สายวิทย์คณิตต้องรู้ เมื่อ TCAS ปรับระบบใหม่

เทคนิคเก็บคะแนน A-Level 70+ ที่สายวิทย์คณิตต้องรู้ เมื่อ TCAS ปรับระบบใหม่

หมดกังวลต้องใช้คะแนน A-Level เพื่อยื่นสอบเข้า แต่ข้อสอบปรับรูปแบบใหม่เป็นปีแรก ไม่รู้จะเตรียมตัวสอบยังไหน ข้อสอบจะออกแนวไหน แถมยังมีหลายวิชาให้อ่านเยอะไปหมด วันนี้พี่ ๆ ได้รวบรวมข้อมูลการสอบเข้าและเทคนิคการเตรียมตัวสอบเพื่อเก็บคะแนน A-Level ได้ปัง ๆ รับรองยื่นคะแนนสอบเข้าติดชัวร์!

เด็ก 66 สายวิทย์คณิตปีนี้พร้อมหรือยังกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กำลังจะมาถึง น้อง ๆ ก็คงจะรู้กันมาบ้างแล้วว่าในปีนี้ ข้อสอบจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปจากปีก่อน วันนี้พี่ได้รวบรวมสิ่งที่เปลี่ยนไปในข้อสอบ A-Level มาฝาก พร้อมเทคนิคเก็บคะแนน A-Level ที่สายวิทย์คณิตต้องรู้มาให้น้อง ๆ ได้ลองนำไปทำตามกันด้วย ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลย

 

สารบัญ

 

คะแนน A-Level สำคัญกับเด็กสายวิทย์คณิตยังไง  

A-Level (Applied Knowledge Level)  คือ การวัดความรู้เชิงวิชาการที่เน้นการประยุกต์ใช้จริง  โดยคะแนน A-Level นี้ จะเป็นคะแนนหลักในการยื่นเข้าคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย โดยน้อง ๆ จะเริ่มสอบ A-Level ในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ฉะนั้นเรามาดูกันว่ารายวิชาที่เด็กวิทย์-คณิตต้องใช้สอบ มีวิชาอะไรบ้าง และรูปแบบการเก็บคะแนนเป็นอย่างไร 

 


 

เมื่อน้อง ๆ รู้แล้วว่ารายวิชาที่จะสอบมีอะไรบ้าง อีกสิ่งที่น้องต้องรู้ คือ คณะที่น้องอยากเข้าต้องยื่นคะแนนวิชาอะไรบ้างนั่นเอง ซึ่งน้อง ๆ คณะสายวิทย์คณิตสามารถสอบเข้าได้ทั้งคณะสายวิทยาศาสตร์และสายสังคมศาสตร์เลย เดี๋ยวพี่จะพาไปดูว่าคณะยอดฮิตในดวงใจน้อง ๆ ใช้คะแนนวิชาอะไรกันบ้าง 

 

สายวิทยาศาสตร์

 

สายสังคมศาสตร์

ต่อไปพี่จะพามาดูสถิติคะแนนของคณะยอดฮิตในปี 2565 กัน ซึ่งคณะที่พี่ยกตัวอย่างมา จะเป็นคะแนนสูงสุด - ต่ำสุด ของคณะสายวิทย์สุขภาพของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี 2565 โดยอ้างอิงคะแนนจากเว็บไซต์ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย

จากตารางคะแนนข้างบน น้อง ๆ จะเห็นว่าแต่ละคณะมีคะแนนเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ในช่วง 50 - 70  นั่นหมายความว่า น้องจะต้องทำคะแนนสอบ A-Level ในแต่ละวิชาให้มีค่าเฉลี่ยอย่างน้อย 60 คะแนนขึ้นไป 

ถึงจะมีโอกาสที่จะสอบติดคณะดังกล่าวได้ ต่อไปเรามาดูกันดีกว่าว่า TCAS 66 มีการปรับรูปแบบข้อสอบต่างไปจากเดิมอย่างไรบ้าง 

 



 

TCAS ปรับรูปแบบใหม่ ข้อสอบต่างจากเดิมตรงไหนบ้าง 

 

สำหรับน้อง ๆ เด็ก 66 ที่กำลังเตรียมตัวจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ คงกำลังสงสัยอยู่ว่าข้อสอบ

รูปแบบใหม่ A-Level นั้นต่างจากข้อสอบ 9 วิชาสามัญอย่างไร ข้อสอบจะยากขึ้นไหม แล้วสัดส่วนข้อสอบจะเปลี่ยนไปหรือไม่ วันนี้พี่จะมาช่วยตอบความสงสัยนี้ให้เอง 

 

การปรับเปลี่ยนข้อสอบ TCAS 66

  • ลดความซ้ำซ้อนของเนื้อหา

ในวิชาคณิตศาสตร์ จากที่น้อง ๆ จะต้องสอบวิชา PAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 1 (ใน 9 วิชาสามัญ) จะถูกยุบรวมกันกลายเป็นคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการสอบ

  • มีการปรับลดจำนวนข้อสอบในบางรายวิชา

ข้อสอบ A-Level จะมีการปรับให้มีทั้งพาร์ทข้อสอบแบบปรนัย 5 ตัวเลือก และแบบอัตนัย นอกจากนี้ในบางรายวิชาจะมีการปรับสัดส่วนจำนวนข้อสอบ ดังนี้
 


 

  • เน้นการประยุกต์ การบูรณาการเนื้อหามากขึ้น และเน้นการนำความรู้ไปใช้

ทุกรายวิชาข้อสอบจะถูกปรับให้มีการประยุกต์ และมีการบูรณาการเนื้อหามากขึ้น ขอบเขตของเนื้อหาที่ออกสอบในปีนี้จะไม่เกินหลักสูตรของม.ปลาย เพื่อเป็นการลดภาระการจำ แต่น้อง ๆ ก็ยังจำเป็นที่จะต้องทบทวนเนื้อหาให้แม่น ถึงจะสามารถทำโจทย์ประยุกต์ได้อยู่ดี

 

ตัวอย่างรูปแบบข้อสอบ 9 วิชาสามัญ (แบบเก่า) VS ข้อสอบ A-Level (แบบใหม่)

ข้อสอบ 9 วิชาสามัญในปีที่ผ่านมา จะเป็นโจทย์ที่ไม่ยาวมาก มีการถามอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ไม่ต้องตีความเยอะมาก เช่น ข้อสอบ 9 วิชาสามัญ วิชาชีววิทยา ปี 2564  

โดยโจทย์ถามเกี่ยวกับการเกิดมิวเทชัน ซึ่งโจทย์ให้สาย DNA แม่แบบมา ถ้าน้อง ๆ จำเรื่องการจำลอง DNA (DNA replication), การถอดรหัสพันธุกรรม (Transcription) และการแปรรหัสพันธุกรรม (Translation) ได้ น้องจะรู้ว่าถ้าเกิดมิวเทชันที่ทำให้เบส T ในตำแหน่ง ก หายไป ขั้นตอนการแปลรหัสจะไม่เกิดขึ้น เพราะที่ตำแหน่งนี้จะตรงกับรหัสพันธุกรรมเริ่มต้น (Start codon) ของสาย RNA ดังนั้น ข้อนี้จึงตอบข้อ 4 

แต่ข้อสอบ A-Level ชีววิทยา โจทย์จะยาวขึ้น และจะเน้นการนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ทำให้น้อง ๆ ต้องตีความโจทย์และวิเคราะห์มากขึ้น เช่น ตัวอย่างโจทย์ใน Blueprint วิชาชีววิทยา ปี 2566 ที่ออกโดย ทปอ.

 

 

โจทย์ถามเกี่ยวกับการเกิดมิวเทชันเหมือนกัน เพียงแต่นำไปประยุกต์กับการทดลองจริงในแบคทีเรีย ซึ่งโจทย์ลักษณะนี้จะไม่ให้ DNA แม่แบบมาโดยตรงเหมือนข้อก่อนหน้า แต่จะให้ผลการศึกษายีนและผลการศึกษาขนาดของโปรตีน ที่ได้จากเทคนิค PCR และ Gel electrophoresis มาแทน เมื่ออ่านโจทย์ข้อนี้แล้วน้องจะต้องสามารถนำเรื่องการจำลอง DNA (DNA replication), การถอดรหัสพันธุกรรม (Transcription) การแปรรหัสพันธุกรรม (Translation) มาประยุกต์รวมกับเทคนิค PCR และ Gel electrophoresis ได้ นอกจากนี้น้องต้องรู้วิธีการอ่านผลการทดลองในภาพ ก และ ข รวมทั้งวิเคราะห์ว่าผลการทดลองที่ได้เป็นผลมาจากการเกิดมิวเทชันแบบใด และการเกิดมิวเทชันในลักษณะนั้นจะให้ผลอย่างไร โดยข้อนี้คำตอบคือ ข้อ 5

 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นความแตกต่างระหว่างข้อสอบ 9 วิชาสามัญและข้อสอบ A-Level ซึ่งน้อง ๆ จะเห็นเลยว่าต้องใช้ทักษะในการทำข้อสอบแบบประยุกต์มากขึ้น ไม่ใช่แค่ท่องจำแล้วนำไปตอบอีกแล้ว ถ้าหากน้อง ๆ ใช้วิธีการเตรียมตัวสอบด้วยการท่องจำเนื้อหาก็อาจจะไม่สามารถทำข้อสอบรูปแบบใหม่ได้เท่าที่ควร แต่ไม่ต้องกังวลกันไป เพราะวันนี้พี่มีเทคนิคดี ๆ สำหรับเก็บคะแนน A-Level มาฝาก จะมีเทคนิคอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย

 

 



 

3 เทคนิคเก็บคะแนน A-Level ให้ได้คะแนน 70+ ทุกวิชา

 

  1. 1. ฝึกทำข้อสอบเก่าโดยเฉพาะโจทย์วิเคราะห์ 

การฝึกทำข้อสอบเก่าจะทำให้น้อง ๆ มองเห็นแนวโน้มของรูปแบบที่โจทย์มักจะถาม ซึ่งจะทำให้เราสามารถเก็งได้ว่าถ้าเจอโจทย์แนวนี้ในข้อสอบจริง เราจะเริ่มวิเคราะห์จากตรงไหน และมีวิธีการหาคำตอบอย่างไร นอกจากนี้การฝึกทำข้อสอบเก่ายังมีประโยชน์มาก ๆ เพราะจะช่วยให้น้องประเมินจุดแข็งหรือจุดอ่อนของตัวเองได้ อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจในสิ่งที่เราอ่านหรือเตรียมตัวมาได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นเราลองมาดูวิธีฝึกทำข้อสอบเก่าอย่างไรให้ได้คะแนนเยอะกัน 

  • จับเวลาขณะทำข้อสอบเก่า 

การฝึกทำข้อสอบเก่าที่ดีและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด น้อง ๆ จะต้องจับเวลาไปพร้อมกับการทำข้อสอบ ซึ่งทริคของการจับเวลานั้น ให้น้องจับเวลาตามเวลาที่ใช้จริงในการสอบแต่ละวิชา เช่น วิชาฟิสิกส์ มีจำนวนข้อสอบทั้งหมด 30 ข้อ ใช้เวลาสอบทั้งหมด 90 นาที ดังนั้นถ้าน้องกำลังฝึกทำข้อสอบเก่าวิชาฟิสิกส์ก็ควรที่จะจับเวลา 90 นาทีขณะทำด้วย

สิ่งที่น้องต้องทำคือ

  1. นำเวลาทั้งหมดมาลบออก 5-10 นาที เพื่อเผื่อเวลาไว้ทวนและเช็คข้อสอบ จากนั้นนำเวลาที่เหลือมาหารจำนวน เพื่อหาเวลาในการทำโจทย์เฉลี่ยต่อข้อ
  2. ให้น้องวางแผนในการทำข้อสอบก่อน เช่น ทำข้อที่ถนัดก่อนเพื่อเก็บเวลาไว้สำหรับที่ข้อยาก หรือถ้าเจอข้อที่อ่านโจทย์ไปแล้ว 1 นาที แต่ยังไม่รู้ว่าวิธีการแก้ปัญหาโจทย์ให้ข้ามข้อนั้นไป
  3. เมื่อทำข้อสอบที่ทำได้ทั้งหมดแล้ว ค่อยกลับมาเก็บข้อที่ข้ามไปในตอนแรก 



                                             

 

  • นำจุดผิดหลังทำข้อสอบเก่ามาทบทวน

เมื่อเจอจุดที่ผิดหลังจากการทำข้อสอบเก่า น้อง ๆ ไม่ควรปล่อยผ่านเพราะการทำแบบนั้นจะทำให้เราได้ประโยชน์จากการทำข้อสอบเก่าน้อยมาก ๆ สิ่งที่น้องควรทำคือ นำจุดที่ผิดมาวิเคราะห์ว่าผิดอย่างไร จากนั้นให้กลับไปทบทวนในส่วนที่เรายังไม่เข้าใจเพิ่มเติม 


                                   
 

  • ทำ Short note  

รู้หรือไม่การทำ Short note ที่ดีไม่ใช่แค่การย่อเนื้อหาในบทเรียนลงไป แต่คือการนำแก่นของเรื่องนั้น หรือสิ่งที่เรามักทำพลาดบ่อยในการทำโจทย์ใส่ลงไป เพราะเมื่อน้องกลับมาอ่านทบทวนอีกรอบ จะทำให้น้องเข้าใจมากยิ่งขึ้น โดยหลักการทำ Short note ที่ดีมีดังนี้

  1. อ่านเนื้อหาให้จบทั้งหมดก่อน 
            การอ่านเนื้อหาให้จบทั้งหมดจะทำให้น้องเข้าใจหัวข้อหลักและเนื้อหาย่อย ๆ ในแต่ละบทได้เป็นอย่างดี
  2. สรุปจุดที่เป็นแก่นหรือสาระของบท 
            การสรุปมาเฉพาะแก่นหรือสาระจะช่วยลดตัวหนังสือได้และทำให้น้องสามารถโฟกัสได้ตรงจุดมากขึ้น 
  3. จุดควรระวัง
            ในการทำ Short note พยายามใส่จุดที่น้องคิดว่าเป็นจุดที่ตัวเองพลาดบ่อย ๆ เพื่อเป็นการย้ำเตือนเราเมื่อกลับมาอ่านอีกรอบ
  4. ใช้สีช่วยในการจด
             น้อง ๆ ที่ชอบพกปากกาสีสันเยอะ ๆ น่าจะชอบ เพราะการใช้สีสันเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำให้เราแยกแยะจุดสำคัญได้ดีมาก ๆ
  5. การทำ Mind map
            การทำ Mind map เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการจด Short note เพราะจะช่วยให้น้อง ๆ รู้ถึงภาพรวมของบทนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี

 

         

 

  1. 2. มีแพลนในการอ่านหนังสือ

        แพลนในการอ่านหนังสือจะช่วยให้น้องเตรียมตัวได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งพี่มี Step ในการทำแพลนอ่านหนังสือให้น้อง ดังนี้

  • ต้องรู้ว่าคณะที่เราจะเข้า ใช้คะแนนอะไรบ้าง

อันดับแรกน้องต้องรู้ว่า คณะที่น้องจะเข้าใช้คะแนนอะไรบ้าง สัดส่วนคะแนนเป็นอย่างไร ต้องสอบวิชาไหนบ้าง และแต่ละวิชาข้อสอบเป็นอย่างไร เพื่อเป็นการตั้งเป้าหมายในคณะที่น้องต้องการจะเข้านั่นเอง

  • ต้องรู้ว่าตัวเองถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร

เมื่อน้องรู้แล้วว่าจะต้องสอบวิชาอะไร เราจะต้องประเมินตัวเองต่อว่า มีวิชาไหนบ้างที่เราถนัด หรือไม่ถนัด เพื่อที่จะวางแผนเวลาที่เหลือว่าน้องควรทบทวนวิชาไหนก่อน

  • วางแผนการอ่านหนังสือ

สำหรับน้องที่มีเวลาเตรียมตัวมากกว่า 6 เดือน ให้นำเวลาไปอ่านวิชาที่น้องไม่มั่นใจก่อน โดยแบ่งเวลาอ่านหนังสือทบทวน เริ่มจากบทที่ออกข้อสอบเยอะ ไล่ไปจนถึงบทที่ยาก ๆ ส่วนวิชาที่น้องมั่นใจ 

ให้เผื่อเวลาไว้สำหรับแค่การทำโจทย์ และกลับไปทบทวนสรุป Shot note รวมไปถึงจุดที่ผิดบ่อยก็พอ

    สำหรับน้องที่มีเวลาเตรียมตัว 3 - 6 เดือน ควรทบทวนและทำโจทย์ในเรื่องที่ออกสอบเยอะและเรื่องที่ถนัดสำหรับน้อง ส่วนเรื่องที่ยากอาจจะเลือกทบทวนเพียงบางเรื่องตามระยะเวลาที่เหลือ เพราะอาจจะใช้เวลานานเกินไปในการทบทวน 

    สำหรับคนที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยกว่า 3 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายแล้ว ถ้าน้องอ่านไม่ทันก็ควรจะต้องเลือกอ่านในหัวข้อที่ออกข้อสอบเยอะตามความถนัดของน้อง ซึ่งพี่จะยกตัวอย่างจำนวนข้อของแต่ละบทในวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 ในปี 64 เพื่อให้ดูเป็นแนวทาง

จะเห็นว่าวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 ในปี 64 เรื่องที่ออกสอบเยอะ คือ เรื่องสถิติ น้องควรเลือกอ่านบทนี้ก่อน จากนั้นค่อยอ่านบทอื่น ๆ ไล่ตามความถนัดของน้อง 

เมื่อรู้แล้วว่าจะต้องอ่านตรงไหน อะไรออกสอบบ้าง ก็จัดตารางในแต่ละวันว่าวันไหนจะอ่านบทไหนของวิชาอะไร วันไหนทำข้อสอบเพื่อทดสอบความเข้าใจ และอย่าลืมทบทวนจุดที่พลาดจากการทำข้อสอบด้วย

 

  1. 3. ท่องสูตรให้ขึ้นใจ ประยุกต์ใช้ให้เป็น

        สำหรับโค้งสุดท้ายของการอ่านหนังสือ จะเป็นช่วงเวลาที่น้อง ๆ ต้องมีความพร้อมในการสอบเป็นอย่างมาก และเทคนิคที่พี่จะมาแนะนำนั่นก็คือเทคนิค  “ท่องสูตรให้ขึ้นใจ ประยุกต์ใช้ให้เป็น” 

เทคนิคนี้เป็นการอ่านโจทย์แล้ววิเคราะห์โดยไม่ต้องแก้โจทย์ทั้งข้อจนได้คำตอบ วิธีการก็คือ น้อง ๆ ต้องอ่านโจทย์แล้วลองวิเคราะห์ว่า ข้อนี้ใช้สูตรอะไร และอยู่ในบทอะไร เนื่องจากข้อสอบ  A-Level เป็นข้อสอบที่ซับซ้อนเน้นการวิเคราะห์  ดังนั้นถ้าน้อง ๆ สามารถวิเคราะห์โจทย์ได้ตั้งแต่การอ่านครั้งแรก ว่าต้องใช้สูตรไหน หรือมาจากบทเรียนใด ก็จะประหยัดเวลาในการทำโจทย์ได้เยอะมาก ๆ และข้อไหนที่เราใช้เทคนิคนี้ไม่ได้ นั้นหมายความว่าน้องจะต้องกลับไปทบทวนในจุดนั้นเพิ่มเติม ซึ่งน้อง ๆ อย่าลืมนำเทคนิคนี้ไปใช้กันนะ 

 

            เพียงเท่านี้น้อง ๆ ก็รู้แล้วว่าข้อสอบTCAS รูปแบบใหม่เป็นอย่างไร ในขั้นตอนถัดมาสิ่งที่น้อง ๆ ต้องทำคือ วางแผนและเตรียมตัวในการอ่านหนังสือเพื่อพิชิตคะแนนและเข้าคณะที่หวัง จากเทคนิคการเตรียมตัวสอบที่พี่ได้รวบรวมมา หวังว่าน้อง ๆ จะนำไปประยุกต์ใช้ วางแผนเตรียมตัวอ่านหนังสือ และหมั่นทำข้อสอบเก่าเพื่อให้ความรู้แน่น พร้อมกับการสอบที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้

 

 

สอบ TCAS รูปแบบใหม่ ยังไงก็รอด! ด้วยเซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level อัปเดตล่าสุด!

 

เซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level ได้เก็งข้อสอบรูปแบบใหม่ที่มีการอัปเดตล่าสุดปี TCAS66 สำหรับน้อง ๆ สายวิทย์-คณิตไว้โดยเฉพาะ พร้อมเฉลยแบบละเอียดยิบและมินิคอร์สเรียนช่วยอธิบายโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากให้เข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการเตรียมตัวสอบให้น้อง ๆ สามารถทำคะแนนได้สูงในระยะเวลาจำกัดอีกด้วย

 

“เซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level” ดีอย่างไร 

1. แนวข้อสอบอัปเดตล่าสุด! ครบทั้ง 5 วิชา A-Level ในเซ็ตเดียว

อยากรู้แนวข้อสอบ A-Level อัปเดตใหม่ปี TCAS66 แต่ไม่รู้จะไปหาจากไหน หมดห่วงกับปัญหาเหล่านี้ไปได้เลย เพราะเซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level ได้เก็งข้อสอบไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ครบทั้ง 5 วิชาสำคัญที่ต้องใช้ยื่นคะแนนสอบเข้าของน้อง ๆ สายวิทย์คณิต ทั้งวิชาคณิตศาสตร์(พื้นฐาน) คณิตศาสตร์(เพิ่มเติม) เคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา ให้น้อง ๆ สามารถอ่านครบ พร้อมสอบได้ในเซ็ตเดียว


 

2. เก็งข้อสอบอัปเดตล่าสุดมากถึง 270 ข้อ พร้อมเฉลยละเอียดยิบ

ให้น้องๆได้ฝึกทำข้อสอบแนวประยุกต์ที่ตรงกับรูปแบบข้อสอบที่ปรับใหม่มากขึ้นถึง 270 ข้อ พร้อมเรียงลำดับความยากง่ายของโจทย์มาให้น้องๆ ได้ค่อยๆฝึกพัฒนาสกิลขึ้นไปตั้งแต่โจทย์ระดับง่ายไปจนถึงโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเฉลยอธิบายวิธีการทำแบบ Step by step ตั้งแต่การวิเคราะห์โจทย์ ขั้นตอนการทำตั้งแต่เริ่มต้นจนได้คำตอบ โดยบอกถึงที่มาที่ไปของคำตอบอย่างชัดเจน พร้อมบอกจุดระวังที่มักพลาดบ่อยในการทำโจทย์ให้อีกด้วย

 


 

3. เทคนิคใช้เวลาอ่านน้อยแต่ได้คะแนนเยอะชัวร์

หมดกังวลเรื่องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบไม่ทัน หรือไม่รู้จะเลือกอ่านบทไหนก่อนดีให้เก็บคะแนนได้เยอะๆ เพราะเซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level ได้ออกแบบแผนการอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบในแต่ละวิชามาให้แล้ว เพื่อให้น้อง ๆ ไม่ต้องเสียเวลาวางแผนการอ่านเอง แต่สามารถโกยคะแนนสูงๆ ได้ด้วยเทคนิคเตรียมตัวสอบจาก Master Plan ที่บอกรายละเอียดว่าควรอ่านบทเรียนไหนก่อนหรือหลัง และบทเรียนไหนที่น้อง ๆ สามารถเก็บคะแนนได้มากๆ โดยน้องๆ สามารถเลือกแผนเตรียมตัวสอบเองที่เหมาะกับตัวเองที่สุดได้ตามคำแนะนำของ Master Plan หรือเลือกอ่านตามแผนระยะเวลาที่เหลือก่อนการสอบก็ได้ด้วยเหมือนกัน 

 

 

4. คอร์สฟรี! อธิบายข้อยาก ให้เข้าใจง่าย

นอกจากเฉลยที่ให้มาละเอียดยิบแล้ว เซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level ยังมีมินิคอร์สเรียนที่ช่วยอธิบายขั้นตอนการทำในข้อที่มีความยากและซับซ้อนให้กับน้องๆ อีกด้วย เพื่อให้สามารถเข้าใจและทำตามได้อย่างแท้จริง โดยน้องๆ จะได้ฝึกทำแบบฝึกหัดไปพร้อมๆ กันกับผู้สอนในมินิคอร์สฟรี ที่จะช่วยให้น้องๆ สามารถเข้าใจโจทย์ได้อย่างง่ายดาย ไม่สับสน และที่สำคัญ มินิคอร์สฟรีไม่มีวันหมดอายุ กลับมาเรียนซ้ำได้เรื่อยๆ อีกด้วยนะ

 

5. แทรกเนื้อหาที่ใช้วิเคราะห์โจทย์และข้อระวังในการทำโจทย์ที่ต้องรู้

5.1 วิเคราะห์โจทย์ได้ง่ายขึ้นด้วย Key Concept

บอกเนื้อหาที่ควรรู้เพื่อใช้ในการวิเคราะห์โจทย์ข้อนั้นๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์โจทย์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

 

 

5.2 ทำแบบฝึกหัดได้อย่างมั่นใจไม่มีพลาดด้วยจุดระวัง

บอกข้อควรระวัง เน้นย้ำจุดที่น้องๆ มักทำพลาดหรือทำผิดบ่อยในการทำแบบฝึกหัด เพื่อให้น้องๆ ที่เรียนเซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level จบ มีความมั่นใจในการทำโจทย์มากขึ้น และเก็บคะแนนจากทุกข้อได้ดีไม่มีพลาด


 

6. พิเศษ! ของแถมสรุปสูตรและตัวช่วยเตรียมตัวสอบสุดน่ารัก

    6.1 สรุปสูตรสำคัญครบจบในแผ่นเดียว

รวมสูตรสำคัญสรุปไว้ให้ท้ายเล่มในแต่ละวิชา โดยน้องๆ สามารถตัดแผ่นสรุปออกมาได้ตามรอยเส้นประ เพื่อพกพาไปอ่านได้ทุกที่หรือใช้เป็นตัวช่วยทบทวนก่อนเข้าสอบได้

    6.2 ปฏิทินสุดน่ารักเพื่อวางแผ่นการเตรียมตัวสอบ


 

    6.3 To Do List ช่วยจัดระเบียบการเรียนในแต่ละวัน

    6.4 Notepad สีสันสดใสไว้ใช้สรุปเนื้อหาหรือเขียนข้อความสำคัญ

    6.5 ที่คั่นหนังสือ พร้อมคำคมดีดีช่วยให้มีกำลังใจในการเตรียมตัวสอบมากขึ้น

    6.6 สติ๊กเกอร์ลาย Limited Edition มีแค่ในเช็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level เท่านั้น


 

            สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจกับการสอบ A-Level ที่ปรับรูปแบบใหม่มาจาก 9 วิชาสามัญนี้แล้วต้องการรู้แนวข้อสอบที่อัปเดตล่าสุด เช็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level จะช่วยให้น้องๆ สามารถฝ่าวิกฤตการสอบนี้ไปได้แน่นอน ด้วยแบบฝึกหัดที่มีการอัปเดตแนวข้อสอบล่าสุด รวบรวมมาให้มากกว่า 200 ข้อ และน้องๆ ยังสามารถเตรียมตัวสอบได้อย่างมั่นใจด้วยเทคนิคการเตรียมตัวสอบจาก Master Plan อีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าสอบ TCAS66 นี้ ได้คะแนนดีชัวร์



 

อยากได้เซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level ต้องทำยังไง

        สามารถสั่งซื้อเซ็ตสรุปแนวข้อสอบ A-Level ได้โดยใช้ส่วนลดพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัวเหลือเพียง 990.- เท่านั้นจากราคาเต็ม 2,450 บาท เพียงแจ้งโค้ด “OPENTA500” สิทธิ์มีจำนวนจำกัดรีบสั่งซื้อเลย!!!

สั่งซื้อผ่าน Inbox เพจ OpenDurian TCAS คลิก

 

สั่งซื้อผ่าน Shopee ร้าน OpenDurian คลิก

 

หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถพูดคุยกับแอดมินเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนะคะ
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สินค้าที่เกี่ยวข้อง