เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี? ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

เมื่ออยากเรียนต่อต่างประเทศ หนึ่งในคำถามยอดนิยมก็คือจะเรียนต่อต่างประศ ที่ไหนดี และปัจจัยที่สำคัญซึ่งจะถูกพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ เพื่อเลือกเรียนที่ไหนดีก็คือค่าใช้จ่าย ครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ไม่มากก็น้อย ดังนี้

ค่าครองชีพในประเทศที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อ

ค่าครองชีพในเมืองที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อ

ประเทศที่ทำงาน Part-Time ได้

เรียนต่อต่างประเทศ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างไรบ้าง

เรียนต่อต่างประเทศ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วยหลายวิธีการด้วยกัน ซึ่งในบทความนี้ได้รวบรวมมาให้แล้ว ดังนี้

เลือกประเทศที่ค่าครองชีพต่ำ

เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี ก่อนอื่นถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่าย ก็ต้องเลือกประเทศที่ค่าครองชีพต่ำก่อนเป็นอันดับแรก แต่แน่นอนว่าก็ต้องเป็นประเทศที่มีคุณภาพด้านการศึกษาด้วย เพื่อให้การเรียนต่อต่างประเทศนั้นสัมฤทธิ์ผลในเรื่องของการศึกษาหาความรู้ และประเทศยอดนิยมที่คนมักไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เป็นต้น

แต่ถ้าหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เบื้องต้นก็อาจต้องเลือกประเทศไหนที่มีค่าครองชีพที่ไม่สูงนัก หากเลือกเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก จะพบว่าหากเป็นที่อเมริกาจะมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ถ้าหากเป็นออสเตรเลียจะมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่า โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในเรื่องของที่พัก ซึ่งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะแตกต่างกันไม่มากเท่ากับค่าที่พัก

อันดับค่าครองชีพในประเทศที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อเรียงจากสูงไปต่ำ

อันดับ	ประเทศ
1	อเมริกา
2	อังกฤษ
3	ออสเตรเลีย
4	แคนาดา
5	นิวซีแลนด์

เลือกเมืองที่ค่าครองชีพต่ำ

เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี หากสิ่งที่ต้องการคือเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่าย ถัดมาหลังจากที่เลือกประเทศได้แล้ว ในการเรียนต่อต่างประเทศกด็ควรเลือกเมืองที่จะไปเรียนต่อด้วย แน่นอนว่าถ้าหากเลือกเรียนนอกเมืองค่าครองชีพก็จะถูกกว่าเลือกเรียนต่อในเมืองหลวง ทั้งนี้บางประเทศในเมืองหลวงอาจมีค่าครองชีพต่ำกว่าบางเมือง ผู้ที่มีแผนเรียนต่อต่างประเทศ และกำลังพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่าย ควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน ทั้งนี้ทางบทความได้สำรวจอันดับค่าครองชีพของแต่ละเมืองและรวบรวมมาฝาก โดยจะเป็นข้อมูลการเปรียบเทียบแบบภาพรวม ดังนี้

สหรัฐอเมริกา

เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี หากเป็นการเรียนต่ออเมริกา เมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดจะอยู่ที่นิวยอร์ก ซึ่งก็ถือเป็นเมืองหนึ่งที่คนนิยมไปเรียนต่อจำนวนมาก เพราะมีสถาบันติดอันดับหลายแห่ง แต่ถ้าหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย การเรียนที่เมืองอื่นก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

อันดับค่าครองชีพในเมืองที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อเรียงจากสูงไปต่ำ

อันดับ	เมือง	มหาวิทยาลัยแนะนำ	ควรมี IELTS
1	New York	Columbia University New York University	7.5 ขึ้นไป
2	Berkeley	University of California, Berkeley (UCB)	7.0 ขึ้นไป
3	Los Angeles	University of California, Los Angeles (UCLA) University of Southern California	7.0 ขึ้นไป
4	Cambridge	Massachusetts Institute of Technology (MIT) Harvard University	7.0 ขึ้นไป
5	Stanford	Stanford University	7.0 ขึ้นไป

อังกฤษ

ถัดมาหากเลือกเรียนต่ออังกฤษ เมื่อตั้งคำถามเอาไว้ว่าเรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเมืองที่รวบรวมสถาบันติดอันดับเอาไว้เป็นจำนวนมากก็คือลอนดอน แต่ถ้าหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายก็อาจต้องเลือกเรียนเมืองอื่น เพราะในลอนดอนค่าครองชีพสูง ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าลอนดอนจะเป็นเมืองหลวงของอังกฤษก็จริง แต่จากการสำรวจพบว่าค่าครองชีพรวมค่าที่พักจะค่อนข้างต่ำกว่าอ๊อกฟอร์ดและเคมบริดจ์ แต่ในอังกฤษก็ยังมีสถาบันติดอันดับอีกมากที่กระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ที่มีค่าครองชีพต่ำลงไปกว่านี้

อันดับค่าครองชีพในเมืองที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อเรียงจากสูงไปต่ำ

อันดับ	เมือง	มหาวิทยาลัยแนะนำ	ควรมี IELTS
1	Oxford	University of Oxford	7.0 ขึ้นไป
2	Cambridge	University of Cambridge	7.5 ขึ้นไป
3	London	Imperial College London UCL King's College London The London School of Economics and Political Science (LSE)	7.0 ขึ้นไป
4	Manchester	The University of Manchester	7.0 ขึ้นไป
5	Leeds	University of Leeds	6.5 ขึ้นไป

ออสเตรเลีย

เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี ออสเตรเลียก็ถือเป็นประเทศยอดนิยมในการเรียนต่อ เพราะมีสถาบันคุณภาพติดอันดับโลกมีหลายแห่ง และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอเมริกากับอังกฤษ ออสเตรเลียถือว่าค่าครองชีพจะต่ำกว่า จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย โดยในออสเตรเลียเมืองที่มีสถาบันดังหลายแห่งคือซิดนีย์ และถึงแม้ว่าซิดนีย์จะไม่ใช่เมืองหลวงของออสเตรเลีย แต่เป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงกว่าเมืองหลวงของออสเตรเลีย โดยเมืองหลวงคือแคนเบอร์ราที่มีค่าครองชีพรวมกับค่าที่พักแล้วจะต่ำลงมาจากซิดนีย์ แต่ถ้าหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายกว่านี้ก็ยังมีเมืองอื่นๆ ให้เลือกเรียนเช่นกัน

อันดับค่าครองชีพในเมืองที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อเรียงจากสูงไปต่ำ

อันดับ	เมือง	มหาวิทยาลัยแนะนำ	ควรมี IELTS
1	Sydney	The University of New South Wales (UNSW Sydney) The University of Sydney Macquarie University (Sydney, Australia)	6.5 ขึ้นไป
2	Canberra	Australian National University (ANU)	6.5 ขึ้นไป
3	Adelaide	The University of Adelaide	6.5 ขึ้นไป
4	Brisbane	The University of Queensland Queensland University of Technology (QUT)	6.5 ขึ้นไป
5	Melbourne	Monash University RMIT University	6.5 ขึ้นไป

แคนาดา

เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี ถ้าหากอยากประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าเรียนต่อออสเตรเลีย ขอแนะนำให้เรียนต่อแคนาดาที่ค่าครองชีพจะต่ำลงมา และเป็นประเทศยอดนิยมในการเรียนต่อไม่แพ้ประเทศอื่น เพราะมีสถาบันคุณภาพติดอันดับโลกมีหลายแห่งเช่นกัน สำหรับมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของแคนาดาคือ University of Toronto ตั้งอยู่ในเมืองโตรอนโต ซึ่งมีค่าครองชีพค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ แต่ก็ยังต่ำกว่าแวนคูเวอร์ เมืองที่น่าสนใจอีกหนึ่งคือมอนทรีออล ที่มี McGill University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยติด Top 50 ของโลกตั้งอยู่ และเป็นเมืองที่ค่าครองชีพไม่สูงนัก

อันดับ	เมือง	มหาวิทยาลัยแนะนำ	ควรมี IELTS
1	Vancouver	University of British Columbia	6.5 ขึ้นไป
2	Toronto	University of Toronto	6.5 ขึ้นไป
3	Waterloo	University of Waterloo	7.0 ขึ้นไป
4	Montreal	McGill University University of Montreal	6.5 ขึ้นไป
5	Edmonton	University of Alberta	6.5 ขึ้นไป

นิวซีแลนด์

เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี ขอฝากไว้อีกหนึ่งที่กับการเรียนต่อนิวซีแลนด์ ซึ่งมีมหาวิทยาลัยคุณภาพติดอันดับโลกหลายแห่งด้วยกัน มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศคือ The University of Auckland ตั้งอยู่ในโอ๊คแลนด์ แม้จะเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในนิวซีแลนด์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว กการเรียนต่อที่โอ๊คแลนด์ก็ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า และถ้าหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายลงอีก ก็เลือกเรียนกเมืองอื่นๆ ได้ เช่น ดะนีดิน แฮมิลตัน เป็นต้น ซึ่งมีมหาวิทยาลัยดังตั้งอยู่เช่นกัน

อันดับ	เมือง	มหาวิทยาลัยแนะนำ	ควรมี IELTS
1	Auckland	The University of Auckland Auckland University of Technology (AUT)	6.5 ขึ้นไป
2	Christchurch	University of Canterbury	6.5 ขึ้นไป
3	Hamilton	University of Waikato	6.0 ขึ้นไป
4	Dunedin	University of Otago	7.5 ขึ้นไป
5	Palmerston North	Massey University	6.5 ขึ้นไป

เลือกประเทศที่อนุญาตให้ทำงาน Part-Time

เรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย หลังจากเลือกประเทศและเมืองค่าครองชีพต่ำๆ ไปแล้ว อีกเรื่องที่ควรพิจารณาก็คือการเลือกประเทศที่อนุญาตให้ทำงาน Part-Time ระหว่างเรียนได้ ซึ่งจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างมาก ค้าจ้างที่ได้รับจากการทำงานระหว่างเรียนหรือทำงาน Part-Time สามารถนำมาสมทบค่าที่พักหรือค่ากินอยู่และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ยังพบว่านักเรียนบางคนสามารถเก็บเงินจากการทำงานระหว่างเรียนไว้ใช้หลังเรียนจบได้ด้วย

ยกตัวอย่างประเทศที่อนุญาตให้คนที่ถือวีซ่านักเรียนสามารถทำงานระหว่างเรียนได้ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เป็นต้น หากเป็นในสหรัฐอเมริกา จะอนุญาตให้ผู้ถือวีซ่านักเรียนที่ไปเรียนต่อปริญญา สามารถทำ Part-Time ได้เฉพาะในมหาวิทยาลัย (On Campus) เท่านั้น ไม่สามารถทำงานทั่วไปได้

ประเทศที่อนุญาตให้ทำงาน Part-Time ในระยะเวลายิ่งมากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสหาเงินได้มาก และช่วยประหยัดทุนส่วนตัวได้มากขึ้นด้วย โดยกฎหมายของแต่ละประเทศที่กำหนดให้สามารถทำงาน Part-Time ได้ มีดังนี้

ประเทศ	จำนวนชั่วโมงที่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติทำงาน Part-Time		หมายเหตุ
ประเทศ	ช่วงเปิดเทอม	ช่วงปิดเทอม	หมายเหตุ
อเมริกา	20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์	40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์	ต้องทำในมหาวิทยาลัย (On Campus) เท่านั้น
อังกฤษ	20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์	40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ออสเตรเลีย	48 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์	ไม่จำกัด
แคนาดา	20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์	40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์	ปัจจุบันกฎหมายไม่จำกัดชั่วโมงการทำงาน Part-Time ของนักเรียนต่างชาติ โดยจะหมดเขต 31 ธ.ค.23
นิวซีแลนด์	20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์	40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

หมายเหตุ บางประเทศมีการขยายเวลาทำงาน Part-Time ให้ผู้ถือวีซ่านักเรียน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานหลังสถานการณ์ Covid-19 หลังจากนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง ผู้ที่มีแผนเรียนต่อต่างประเทศ ต้องติดตามข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ณ เวลานั้นอีกครั้ง

เลือกตำแหน่งที่พัก

สำหรับผู้ที่เรียนต่อต่างประเทศและอยากประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อต้องเลือกที่พักควรคำนึงถึงตำแหน่งด้วย ที่ดีที่สุดคือควรอยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษา เพื่อประหยัดค่าเดินทาง แต่ถ้าหากว่าที่พักใกล้สถานศึกษามีอัตราค่าเช่าที่แพงเกินไป ก็อาจเลือกที่ไกลออกไปได้ แต่ก็ไม่ควรไกลเกินไป เพราะจะทำให้ภาระไปตกที่ค่าเดินทาง ควรคำนวณให้สมดุล และเอื้อต่อความสะดวกในการเดินทางไปเรียนของตัวนักเรียนเองด้วย

นอกจากที่พักใกล้สถานศึกษา ควรเลือกที่พักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบพร้อม เช่น ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้ซุปเปอร์มาร์เก็ต ใกล้โรงพยาบาล เป็นต้น เพื่อที่จะไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อของใช้จำเป็น รวมถึงการหาอาหารแต่ละมื้อ บางคนเลือกที่พักถูกอย่างเดียว แต่ไม่คำนึงเรื่องระยะทาง สุดท้ายต้องไปใช้จ่ายในเรื่องของการเดินทางไกลและเสียเวลา อาจไม่คุ้มค่านัก ยิ่งถ้าต้องทำงาน Part-Time ด้วย เรื่องเวลายิ่งสำคัญกับการใช้ชีวิตระหว่างเรียนต่อต่างประเทศ

สำหรับคนที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเรียนต่อต่างประเทศ ที่ไหนดี และมีเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ ขอแนะนำให้ทำตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ส่วนหนึ่ง