How to ฝึกพูดภาษาอังกฤษ เริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีพื้นฐานก็พูดได้! ลองมาดูวิธีกัน!
ฝึกพูดภาษาอังกฤษ แบบเจ้าของภาษา
พูดภาษาอังกฤษเริ่มต้นจากศูนย์ ไปจนคุยได้คล่อง!
- ทำไมถึงภาษาพูดอังกฤษไม่ได้สักที
- 3 ขั้นตอนวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษ จาก 0 สู่เป๊ะปัง!
- ตัวช่วยเด็ด! ให้ฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง
เรียนภาษาอังกฤษกันมานานนนน แต่พอถึงเวลาพูดจริง ดันนึกไม่ออกว่าต้องพูดอะไร หรืออยากจะพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นยังไงดี ปัญหาเหล่านี้จะหมดได้ไป ถ้าทุกคนเริ่มต้นเรียนรู้และฝึกฝนกันอย่างถูกวิธี
1. โฟกัสที่แกรมมาร์มากเกินไป
คนส่วนใหญ่เรียนภาษาอังกฤษแบบเน้นแกรมมาร์เพื่อให้ทำข้อสอบได้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรแต่ว่าการพูดเป็นทักษะที่ไม่เหมือนกัน เพราะเราไม่ต้องท่องกฎแกรมมาร์ได้เป๊ะทุกข้อก็ได้ อย่างบางประโยคก็แปลตรงตัวเลยไม่ได้ เราก็จำประโยคที่ใช้กับสถานการณ์นั้นไปใช้ก็พอแล้ว เช่น “What about you?” ไม่ได้ถามว่า “อะไรเกี่ยวกับคุณ” แต่ถามว่า “แล้วคุณล่ะ เป็นยังไง” ซึ่งถ้าเราได้เรียนประโยคนี้มาก่อน เราก็เอาไปใช้พูดได้เลย ไม่ต้องแปลทีละคำกันนะ
2. รู้ความหมายของคำศัพท์ แต่ก็ยังแต่งประโยคไม่ถูก
เวลาท่องศัพท์ หลายคนท่องแยกเป็นคำ ๆ รู้ความหมาย แต่พอจะจับมารวมกันเป็นประโยคกลับทำไม่ได้ เช่น เรารู้กันว่า “train” แปลว่า รถไฟ แต่พอจะบอกว่า “รถไฟกำลังจะออกแล้ว” ไม่รู้จะพูดยังไงดีล่ะ นึกประโยคไม่ออกเลย
บางคนก็รู้ความหมายของคำนะ แต่เอาไปใช้ผิดประโยค ตัวอย่างคำว่า “เปิด” ในภาษาอังกฤษเราใช้คำว่า “Open” กันใช่มั้ย เช่น Open the door. (เปิดประตู) Open the window. (เปิดหน้าต่าง) แต่ถ้าเราจะให้ใครเปิดทีวีให้ เราไม่พูดว่า “Open the TV” นะ แต่เราจะใช้ประโยคว่า “Turn on the TV.” เพราะงั้นเวลาเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษ เราต้องเรียนคู่ไปกับประโยคด้วยไงล่ะ
3. เนื้อหาการเรียนรู้ที่ไม่เป็นระบบ
มีงานวิจัยบอกว่า เราจะจดจำได้ดี ถ้าเรื่องที่เราอยากรู้เชื่อมโยงกับของที่เรารู้มาก่อนแล้ว ดังนั้น เวลาเราเรียนของใหม่ ๆ เราเลยต้องจัดเรียงลำดับเรื่องที่เรียนด้วยไง เพื่อให้สมองของเราเข้าใจและจำได้ง่ายขึ้น สมมติว่าประโยคก่อนหน้านี้ เราฝึกพูดไปว่า I love seafood. (ฉันชอบอาหารทะเล) แล้วประโยคต่อมาก็ควรเป็นอะไรที่เกี่ยวกับอาหารเหมือนกันเพราะตอนเราจะเอาไปใช้ จะได้นึกออกง่ายขึ้น แล้วก็ไม่ควรเป็นประโยคที่บริบทต่างกันมาก ๆ เช่น I have a meeting at 8. (ฉันมีประชุมตอน 8 โมง) อะไรแบบนี้
4. ขาดการฝึกฝน
การไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียนมา สุดท้ายเราก็จะลืม น่าเสียดายมาก ๆ เลย อุตส่าห์เรียนมา แต่เอามาใช้จริงไม่ได้ ต้องหาโอกาสในการฝึกพูดกันด้วยนะ จะได้ไม่ลืมกัน
5. ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนเลย
บางคนไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย จะให้พูดทันทีเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะพูดไม่ได้กันไปตลอดนะ เพราะของอย่างงี้ มันฝึกกันได้ และถ้าฝึกอย่างถูกวิธี ก็จะยิ่งทำให้พูดได้เร็วขึ้นด้วยแหละ อย่างที่บอกไป เราไม่ต้องท่องศัพท์หรือกฎแกรมมาร์เลย แค่ฝึกพูดตามประโยคที่ฝรั่งเค้าใช้จริง ๆ ในตอนนั้น แค่นี้เราก็เริ่มพูดภาษาอังกฤษกันได้แล้ว เหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่หัดพูดตามผู้ใหญ่ไง
เมื่อเป้าหมายของเราชัดเจนแล้วว่า “อยากพูดภาษาอังกฤษได้” ต่อไปก็เหลือแค่ ลงมือทำเลย! แต่ใครที่ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มยังไงดี ให้ลองจินตนาการตอนเรายังเป็นเด็กเล็ก ๆ เพิ่งตอนหัดพูดกัน ก็จะเห็นได้ว่าก่อนเราจะพูดได้ เราก็ต้องฟังผู้ใหญ่คนอื่นให้เข้าใจก่อนใช่มั้ย
นั่นแหละ! อยากพูดได้ เราต้องเริ่มจากฟังก่อน
คำถามคือแล้วเราต้องฟังอะไรล่ะ? ก็ฟังสิ่งที่เจ้าของภาษาเค้าใช้กันไง จะฟังเพลง ดูหนัง หรือคลิปอะไรที่เราชอบหรือว่าสนใจกันอยู่แล้วก็ได้นะ เราจะได้รู้สึกสนุกตอนฟัง ยิ่งถ้ามีภาพก็จะยิ่งช่วยให้เราเข้าใจง่ายขึ้นด้วย ไม่ต้องมานั่งแปลทีละคำ
การฟังนับได้ว่าก้าวแรก ก้าวสำคัญเลย ที่จะทำให้เราพูดได้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนเลยแล้ว การฟังเพียงอย่างเดียวอาจจะต้องใช้เวลานานมาก ๆ กว่าจะเข้าใจที่เจ้าของภาษาพูด แล้วบางคนก็ไม่ได้มีเวลากันเยอะขนาดนั้นด้วยสิ
แต่ไม่ต้องห่วงไปจ้า เพราะพวกเรามีทางลัดกัน ทั้ง 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ต่อไปนี้ จะเป็นวิธีการเริ่มต้นฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจาก 0 ไปจนพูดได้คล่องกันเลยล่ะ
1. การฟังที่ควบคู่ไปกับการอ่าน
ขั้นตอนนี้เราจึงควรฟังอะไรที่เราจะรู้ความหมายไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย ก็คือ ฟังอะไรที่อ่านไปด้วยได้ เลือกอ่านเรื่องอะไรก็ได้ที่อยากรู้ อย่างถ้าอยากเตรียมตัวไปทำงาน ก็หาภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการทำงานมาอ่านมาฟัง หรือว่าอยากเตรียมตัวไปเที่ยวก็อ่านและฟังเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ตามความสนใจเราได้หมด
แต่อีกเรื่องที่ลืมไม่ได้เลย สำหรับคนไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษเลยและยังไม่ค่อยมีเวลาว่าง แต่ต้องการติดสปีดฝึกพูด เราต้องเลือกสิ่งที่จะอ่านและฟังกันหน่อยนะ เพราะว่าถ้าเราอ่านอะไรที่ง่ายจนเกินไป มันก็จะน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้ามันอ่านยากเกินไป เราก็อาจจะหมดแรงไประหว่างทางก่อนถึงเส้นชัยกันก็ได้อีกเหมือนกัน มาเริ่มกันจากประโยคพื้นฐานนี่แหละดีที่สุด วันที่เราเก่งขึ้น เราก็จะเอาพื้นฐานพวกนี้แหละไปประยุกต์ใช้ได้เอง
2. ฝึกออกเสียงตาม
หลังจากสมองของเราเก็บข้อมูลจากที่เราอ่านและฟังไปรอบนึงแล้ว ขั้นต่อไปคือการเอาความรู้ที่เก็บไว้ออกมาใช้นี่แหละ มันจะช่วยสมองของเราจำได้ดีขึ้นและนานขึ้นด้วย
จุดที่ยากของการฝึกออกเสียงตามเจ้าของภาษาก็คือ การที่แต่ละภาษามีเสียงพยัญชนะและสระไม่เหมือนกัน คนที่ยังไม่ชินกับภาษาใหม่ ๆ จะฟังเสียงแค่ครั้งเดียวแล้วจะให้พูดตามไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราอาจจะต้องมองหาตัวช่วยอื่น ๆ กันหน่อย เช่น การกดฟังเสียงอีกครั้งแบบช้า ๆ ชัด ๆ ได้ หรือการหาคำอ่านของประโยคที่เขียนเป็นภาษาที่เราคุ้นเคยแล้วคู่กันไป จะช่วยให้เราออกเสียงแต่ละคำอย่างถูกต้องมากขึ้น
3. ทบทวนและฝึกฝน
เราต้องฝึกพูดซ้ำบ่อย ๆ นะ เวลาเรียนภาษาใหม่ ๆ เราจะจำได้ดีก็ตอนที่เราได้พูดบ่อย ๆ นี่แหละ พูดไปเรื่อย ๆ จนสมองกับปากของเราชินเวลาพูดคำนั้นได้
เมื่อก่อนนี้หลายคนคงนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะไปฝึกพูดกับใครดี เพราะว่าคนรอบตัวไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษเลย แต่เทคโนโลยีตอนนี้ มันเริ่ดมาก ๆ เลยนะเธอ มีหลายวิธีให้เราฝึกพูดเลย
อย่างถ้าใครอยากได้เพื่อนใหม่ ก็ลองเข้าเว็บหรือใช้แอปที่วิดีโอคอลกับคนทั่วโลกได้ ไปทำความรู้จักกับคนต่างชาติใหม่ ๆ แล้วก็ฝึกพูดกับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษจริง ๆ
หรือใครที่เพิ่งเริ่มฝึกพูด ยังไม่มั่นใจที่จะคุยกับคนอื่นก็ไม่ต้องกังวลไปน้า เพราะว่ามันมีพวกแอป AI ให้ลองฝึกกันก่อนได้ ถึงไม่ได้คุยกับคนจริง ๆ แต่ข้อดีก็คือเราฝึกออกเสียงได้หลายรอบจนกว่าเราจะมั่นใจเลย แล้ว AI ยังช่วยเราปรับการออกเสียงให้ชัดเจนขึ้นได้ด้วย มันจะวิเคราะห์เสียงให้เราเห็นเลยว่า มีคำไหนบ้างที่เรายังต้องปรับการออกเสียงอยู่ ว้าว! ฉลาดสุด ๆ
ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ 3 ขั้นตอนวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเริ่มต้นจาก 0 ลองไปทำตามกันดูได้เลย แล้วเป็นไงบ้าง มาแชร์กันน้า ขอให้ทุกคนมั่นใจ พวกเราพูดได้แน่นอน!
1. เซ็ตหนังสือ Conver พูดมันส์ 1,000 ประโยค
1.) มีครบทุกสถานการณ์ ได้ใช้สนทนาจริงแน่นอน
ภายใน BOXSET มีทั้งหมด 4 เล่ม แบ่งออกเป็น 4 หมวดหลักๆ ได้แก่
- หมวดชีวิตประจำวัน
- หมวดการทำงาน
- หมวดท่องเที่ยว
- หมวดคุยกับเพื่อนต่างชาติ
ซึ่งเป็น 4 หมวดที่ต้องพบเจอได้บ่อยที่สุดในแต่ละวัน
2.) แยกหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน เลือกประโยคมาใช้ได้สะดวกมากขึ้น
ภายใน BOXSET มีตัวอย่างประโยคสนทนาที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ที่จะต้องใช้ภาษาอังกฤษ ภายในเล่มมีการจัดหมวดหมู่ไว้อย่างเป็นระเบียบ สามารถค้นหาสถานการณ์ที่ต้องการใช้สนทนาได้อย่างรวดเร็ว และเลือกประโยคขึ้นมาพูดโต้ตอบได้ในทันที
3.) รวมประโยคให้มากถึง 4,000 ประโยค
ภายในหนังสือแต่ละเล่มยังมีประโยคการสนทนาให้มากถึง 1,000 ประโยคต่อเล่มกันเลยทีเดียว ครอบคลุมทุกสถานการณ์แน่นอน แต่ละประโยคมีรูปภาพประกอบ และมีหมายเลขประจำประโยคกำกับไว้เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเปิดฟังไฟล์เสียงได้สะดวกยิ่งขึ้น
4.) เรียนง่าย พูดตามได้ทันที ศัพท์ยากก็ออกเสียงได้ถูกต้อง
ภายในหนังสือมีบอกทั้งรูปประโยคภาษาอังกฤษ คำแปลภาษาไทย และที่สำคัญคือมีคำอ่านภาษาไทยประกอบไว้ให้ด้วย โดยครูดิวและทีมงานพยายามเขียนคำอ่านภาษาไทยออกมาให้ผู้เรียนสามารถออกเสียงได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากที่สุด รับรองว่าถ้าผู้เรียนอ่านตามและใส่อินเนอร์การพูดลงไปอีกสักหน่อย ก็สามารถออกเสียงได้เป๊ะ แน่นอน
5.) ฟังไฟล์เสียงจากเจ้าของภาษาตัวจริง
การฟังเสียงจากเจ้าของภาษา จะยิ่งทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำและออกเสียงตามได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งไฟล์เสียงในเล่มได้มีการใช้เสียงจาก Native Speaker เจ้าของภาษาตัวจริง และออกแบบให้ฟังซ้ำถึง 2 ครั้ง ทั้งแบบความเร็วปกติที่เน้นให้พัฒนาทักษะการฟัง และแบบความเร็วที่ช้ากว่าปกติเพื่อเน้นการออกเสียงแบบเฉพาะคำ ให้ผู้เรียนสามารถฝึกการออกเสียงตามได้แบบไม่มีหลุด
มาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ ที่สามารถเลือกฟังเสียงข้อที่ต้องการได้โดยเฉพาะ ไม่ต้องเสียเวลากรอกลับไปมา แค่กดเลือกหมายเลขประจำประโยคก็สามารถฟังไฟล์เสียงประโยคนั้นได้ทันที
6.) แอปฝึกพูดภาษาอังกฤษในรูปแบบเกม ฟรี! (เฉพาะผู้ที่ซื้อแบบ BOXSET)
ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกคิดประโยคภาษาอังกฤษและพัฒนาการออกเสียงได้ถูกต้อง เป๊ะ เหมือนเจ้าของภาษาอีกด้วย โดยฟีเจอร์ตรวจจับการออกเสียงสุดพิเศษที่ออกแบบไว้โดยเฉพาะสำหรับเกมนี้ สามารถประเมินผลบอกเปอร์เซ็นความถูกต้องในการออกเสียงได้อย่างแม่นยำ พร้อมบอกได้ว่าพยางค์ไหนที่ออกเสียงเพี้ยนไปจากเจ้าของภาษา ช่วยให้ผู้เรียนสามารถปรับการออกเสียงของตัวเองได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น และไม่ต้องกังวลว่าจะอออกเสียงไม่ถูก เพราะภายในเกมมีคำอ่านภาษาไทยประกอบไว้ให้ด้วย
หากคิดประโยคภาษาอังกฤษไม่ออกจริงๆ ก็มีตัวช่วย HINT ใบ้ประโยคให้อีกด้วย บอกเลยว่าถ้าสามารถคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ดีมากขึ้นเท่าไหร่ ในชีวิตจริงผู้เรียนก็สามารถพูดได้เก่งขึ้นอีกแน่นอน
7.) ที่คั่นหนังสือสุดพิเศษ ไว้ใช้งานได้จริง
💛สั่งซื้อ Box Set พูดมันส์ 4,000 ประโยค💛
2. หนังสือ 500 Vocab Speak Up
1.) รวมคำศัพท์ในชีวิตประจำวันได้ใช้แน่นอนถึง 500 คำ
ดีไซน์สวยงามมีภาพประกอบคำศัพท์ให้รับรองจำง่ายกว่าเดิมพร้อมแบ่งหมวดคำศัพท์ให้ ไม่ต้องกลัวสับสนว่าคำไหนใช้สถานการณ์ไหน ทุกคำมีคำอ่าน คำแปล และตัวอย่างประโยคให้ เข้าใจวิธีใช้ศัพท์ไปแต่งประโยคแน่นอน
2.) สอนออกเสียงเป๊ะทุกคำ
หายกลัวเรื่องออกเสียงไม่ชัดเพราะหนังสือเล่มนี้มีวิดีโอสอนออกเสียงแต่ละคำแบบพยางค์ต่อพยางค์ รู้ลึกถึงตัวสะกดว่าสะกดด้วยพยัญชนะนี้จะอ่านออกเสียงยังไงได้บ้าง ซึ่งเราจะได้เรียนทั้งฝึกออกเสียงตามและเรียนสะกดคำไปพร้อมกันเลย
3.) ทบทวนคำศัพท์ด้วยแบบฝึกหัดและเกมคำศัพท์
ถ้ากลัวจะท่องศัพท์จนเบื่อหรือท่องอย่างเดียวจำไม่ได้ หนังสือเล่มนี้มีตัวช่วยที่เหมาะสำหรับทุกคนที่จะได้ทบทวนคำศัพท์ด้วยวิธีที่สนุกมากและจำได้มากขึ้น ศัพท์ทุกคำที่เรียนในหนังสือได้นำมาใช้ชัวร์ ไม่ต้องกลัวเรื่องท่องศัพท์ไปแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ฝึกใช้
4.) ฝึกพูดภาษาอังกฤษง่าย ๆด้วย Vocab Snap Talk
นอกจากท่องคำศัพท์และเล่นเกมศัพท์แล้ว เรายังได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแบบโต้ตอบกับ AI พร้อมระบบจับเสียง เพียงแค่เราออกเสียงตามคำตอบมที่เลือกแล้ว AI จะจับเสียงว่าออกเสียงถูกต้องหรือไม่ นอกจากได้ฝึกออกเสียง ทบทวนคำศัพท์ วิธีใช้ศัพท์ที่เรียนมาแล้ว พวกเธอยังได้นำฝึกพูดโต้ตอบให้พร้อมใช้จริงด้วย
5.) แถมฟรี! ไฟล์ PDF รวมคำศัพท์ 500 คำ อยู่ที่ไหนก็ท่องศัพท์ได้
สะดวกสบายไม่ต้องพกหนังสือไปทุกที่ สามารถดาวน์โหลดไฟล์รวมศัพท์ 500 คำที่มีในหนังสือมาพกติดตัวได้ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต พร้อมจัดหมวดให้เรียบร้อยตามหนังสือ จะนั่งหรือนอนท่องก็ยังได้
💛สั่งซื้อหนังสือ 500 Vocab Speak Up💛
3. หนังสือถอดสูตร Conver
1.) ฝึกพูดภาษาอังกฤษพร้อมบทสนทนาแบบธีมหนังถึง 15 เรื่อง
ใช้การเรียนภาษาอังกฤษแบบใหม่ เรียนแบบธีมหนังถึง 15 เรื่อง 75 โครงสร้างประโยค ทุกประโยคในหนังสือมีคำอ่านและคำแปลให้พร้อม สามารถสแกนเสียงเข้าไปดูวิดีโอฟังบทสนทนาได้ ได้ความสนุก ความรู้และได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแยกตามสถานการณ์ถึง 15 เรื่องด้วยกัน
2.) ฝึกแต่งประโยคไว้พูดจริงพร้อมสอนเทคนิคจำไวยากรณ์ที่ง่ายมาก
นอกจากฝึกพูดแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังสอนแต่งประโยคภาษาอังกฤษเอาไว้ให้เรานำไปใช้พูดในชีวิตจริงก็ได้ ครอบคลุมทุกสถานการณ์ตั้งแต่การแนะนำตัวไปจนถึงการไปหาหมอ ทุกโครงสร้างสามารถเปลี่ยนคำได้ง่ายแถมสอนแต่งประโยคภาษาอังกฤษยังไงให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ด้วยเทคนิคง่าย ๆอย่าง KD Tips
3.) ฝึกพูดให้เป๊ะเหมือนฝรั่งด้วยเทคนิคจากเจ้าของภาษา
หายห่วงเรื่องกลัวพูดไม่เป๊ะเพราะหนังสือเล่มนี้มีอาจารย์อดัม เจ้าของภาษาตัวจริงเสียงจริงมาสอนเทคนิคที่เราสามารถใช้ฝึกพูดภาษาอังกฤษยังไงให้เหมือนเจ้าของภาษามากที่สุดด้วย Speaking Tips with Ajarn Adam รับรองแม้ฝึกพูดภาษาอังกฤษคนเดียวก็สามารถฝึกพูดจนคล่องเหมือนฝรั่งได้เลยน้าาา
4.) ฝึกพูดบทสนทนาพร้อมฝึกไวยากรณ์ด้วยแบบฝึกหัด
ในหนังสือยังมีแบบฝึกหัดเลือกตอบเป็นบทสนทนาที่จะให้พวกเธอได้ลองใช้ความรู้ที่เรียนมา ลองฝึกใช้คำและเติมประโยคบทสนทนาให้ถูกต้องได้ เป็นการฝึกภาษาอังกฤษไปพร้อมกับทดสอบไวยากรณ์พร้อมกัน ไม่ต้องกลัวเรื่องพูดผิดหลักไวยากรณ์อีกเลย
5.) ฟรี! ชึทฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษ 1,000 ประโยค แต่งง่ายเอาไปฝึกพูดได้ชัวร์!
ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษเก่งต้องฝึกแต่งประโยคให้ได้หลายแบบด้วย ดังนั้นนอกจากแบบฝึกหัดในหนังสือแล้ว เรายังแถมชีทแบบฝึกหัดไว้ให้เราได้แต่งประโยคถึง 1,000 ประโยคให้ด้วย พร้อมแบ่งหมวดเรียงตามหนังสืออย่างครบถ้วนพร้อมสอนโครงสร้างประโยคในชีท รับรอบได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาแน่นอน!
💛สั่งซื้อหนังสือถอดสูตร Conver💛