ฝึกสนทนาภาษาอังกฤษ: 5 คำถามเจอบ่อย พร้อมประโยคไว้ตอบแบบปัง ๆ!
บทสนทนาภาษาอังกฤษ
5 คำถามเจอบ่อย-ตอบยังไงให้ปัง!
บทสนทนาภาษาอังกฤษกับคำถามที่เจอบ่อย
- How old are you? (คุณอายุเท่าไร)
- Do you have any siblings? (คุณมีพี่น้องไหม)
- How do you spend your free time?
(คุณใช้เวลาว่างอย่างไร) - What do you do? (คุณทำงานอะไร)
- May I sit here? (ขอนั่งตรงนี้ได้ไหม)
ทั้ง 5 คำถาม จะเป็นคำถามที่เราเจอในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราอาจจะเป็นคนถามหรือคนที่ถูกถามก็ได้ ดังนั้นมาลองดูวิธีการถาม-ตอบคำถามเหล่านี้ดีกว่า
1. How old are you? (คุณอายุเท่าไร)
คำถามนี้เบสิคมาก เวลารู้จักกันใหม่ ๆ มักจะเจอคำถามนี้ เธอสามารถตอบอายุได้หลายแบบเลยนะ
บอกอายุตรง ๆ
- I’m 25 years old. (ฉันอายุ 25 ปี)
/อายมฺ-ทเว็นดิไฟวฺ-เยีร์ยสฺ-โอลดฺ/
บอกว่าอายุมากกว่าเท่าไร แต่ไม่บอกเป๊ะ ๆ
- I’m over 30. (ฉันอายุมากกว่า 30 ปีแล้ว)
/อายมฺ-โอเวอร์-เธอร์ดี/
บอกอายุแบบ xx ต้น ๆ
- I’m in my ealry 20s. (ฉันอายุ 20 ต้น ๆ)
/อายมฺ-อิน-มาย-เออร์ลี-ทเว็นดีสฺ/
แบบนี้มักจะใช้เลขที่ลงท้ายด้วย 0 แล้วเติม s เพราะ 20 ต้น ๆ อาจจะหมายถึง 21, 22, 23, 24, 25 ก็ได้
⚡อยากพูดอังกฤษคล่อง อ่านเซ็ทนี้เลย⚡
2. Do you have any siblings/brothers/sisters? (คุณมีพี่น้องไหม)
คำถามนี้ถ้าพอรู้จักกันมากขึ้น ก็จะคุยเรื่องพี่น้อง ครอบครัวกัน ดังนั้นลองฝึกไว้ ได้ใช้แน่นอน เวลาตอบ แบ่งเป็นกรณีตามนี้
ไม่มีพี่น้องเลย = เป็นลูกคนเดียว
- I’m an only child. (ฉันเป็นลูกคนเดียว)
/อายมฺ-แอน-โอนลี-ชายเอิลดฺ/
มีพี่/น้องชาย x คน
- I have a brother. (ฉันมีพี่/น้องชายคนหนึ่ง)
/อาย-แฮฟ-อะ-บราเธอร์/
- I have 2 brothers. (ฉันมีพี่/น้องชาย 2 คน) *อย่าลืมเติม s ที่ brother นะเธอ
/อาย-แฮฟ-ทู-บราเธอร์สฺ/
มีพี่/น้องสาว x คน
- I have a sister. (ฉันมีพี่/น้องสาวคนหนึ่ง)
/อาย-แฮฟ-อะ-ซิสเตอร์/
- I have 3 sisters. (ฉันมีพี่/น้องสาว 3 คน)
/อาย-แฮฟ-ธรี-ซิสเตอร์สฺ/
กรณีที่อยากบอกรายละเอียดเพิ่มว่าเป็นพี่หรือน้อง ให้เติม older หรือ younger เข้าไปได้นะคะ เช่น
- I have a younger sister. (ฉันมีน้องสาวคนหนึ่ง)
/อาย-แฮฟ-อะ-ยังเกอร์-ซิสเตอร์/
- I have one older brother and two younger sisters.
/อาย-แฮฟ-วัน-โอลเดอร์-บราเธอร์-แอน-ทู-ยังเกอร์-ซิสเตอร์สฺ/
(ฉันมีพี่ชายคนหนึ่งและมีน้องสาวสองคน)
3. How do you spend your free time? (คุณใช้เวลาว่างอย่างไร)
คำถามนี้ไว้ใช้ชวนคุย small talk กรุบกริบได้ ซึ่งเป็นการถามถึงงานอดิเรก หรือสิ่งที่ชอบทำในเวลาว่างนั่นเอง และบางทีอาจจะเจอคำถามที่คล้าย ๆ กันอีกเช่น
- What do you like to do in your free time? (เวลาว่างคุณชอบทำอะไร)
/ว็อท-ดู-ยู-ไลคฺ-ทู-ดู-อิน-ยัวร์-ฟรี-ไทมฺ/
- Do you have any hobbies? (คุณมีงานอดิเรกไหม)
/ดู-ยู-แฮฟ-เอนี-ฮ็อบบีสฺ/
- What are your hobbies? (งานอดิเรกของคุณคืออะไรบ้าง)
/ว็อท-อาร์-ยัวร์-ฮ็อบบีสฺ/
ส่วนวิธีการตอบ ก็สามารถตอบกิจกรรมที่เราชอบทำได้เลย เช่น
- I enjoy watching movies. (ฉันชอบดูหนัง)
/อาย-เอ็นจอย-วอทชิง-มูฟวีสฺ/
- I usually spend my free time cooking.
/อาย-ยูชัวลี-สเป็นดฺ-มาย-ฟรี-ไทมฺ-คุกกิง/
(เวลาว่างฉันชอบทำอาหาร)
- My hobbies are watching movies and playing games.
/มาย-ฮ็อบบีสฺ-อาร์-วอทชิง-มูฟวีสฺ-แอน-เพลอิง-เกมสฺ/
(งานดิเรกของฉันคือการดูหนังและเล่นเกมส์)
⚡อยากพูดอังกฤษคล่อง อ่านเซ็ทนี้เลย⚡
4. What do you do? (คุณทำงานอะไร)
หรืออาจจะเจอประโยคที่คล้ายกัน แต่เป็นการถามอาชีพ หน้าที่การงานเหมือนกันคือ
- What do you do for a living? (คุณทำงานอะไร)
/ว็อท-ดู-ยู-ดู-ฟอร์-อะ-ลิฟวิง/
- Where do you work?
/แวร์-ดู-ยู-เวิร์ค/
(คุณทำงานที่ไหน) *ต้องตอบบริษัทที่ทำด้วย
ส่วนมากเวลาตอบคำถามนี้ เราก็สามารถบอกชื่อตำแหน่งที่ทำ และบอกบริษัทที่ทำงานอยู่ไปด้วยก็ได้ เช่น
- I’m an accountant at Star Tech Company.
/อายมฺ-แอน-เออะเคานฺเทิน-แอท-สตาร์เทค-คัมเพอะนี/
(ฉันเป็นนักบัญชีที่บริษัทสตาร์เทค)
- I work as a freelancer. (ฉันทำงานรับจ้างอิสระ)
/อาย-เวิร์ค-แอส-อะ-ฟรีแลนเซอร์/
- I’m a teacher at Durian School.
/อายมฺ-อะ-ทีชเชอร์-แอท-ดูเรียน-สคูล/
(ฉันเป็นครูที่โรงเรียนดูเรียน)
แต่ถ้าสมมติเธอเพิ่งลาออก และกำลังหางานอยู่ ก็ตอบไปได้ว่า
- I’m looking for a job. (ฉันกำลังหางานอยู่)
/อายมฺ-ลุคกิง-ฟอร์-อะ-จ็อบ/
5. May I sit here? (ขอฉันนั่งตรงนี้ได้ไหม)
คำถามนี้น่าจะเจอบ่อยเวลาที่เธอไปตามสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ก็อาจจะมีคนมาถามว่าที่นั่งที่ว่างนี้นั่งได้ไหม ซึ่งอาจจะเจอคำถามที่คล้ายกันคือ
- Do you mind if I sit here?
/ดู-ยู-มายนดฺ-อิฟ-อาย-ซิท-เฮียร์/
(รังเกียจไหมถ้าฉันจะนั่งตรงนี้)
- Is it okay if I sit here?
/อิส-อิท-โอเค-อิฟ-อาย-ซิท-เฮียร์/
(โอเคไหมถ้าฉันจะนั่งตรงนี้)
เวลาตอบ ถ้าเป็นคำถาม “Do you mind if I sit here?” อันนี้ต้องตั้งสติก่อนตอบให้ดี ๆ นะคะ เพราะ mind ในบริบทนี้แปลว่า รังเกียจ ก็คือเค้ากำลังถามว่ารังเกียจไหมถ้าเค้านั่งตรงนี้
ถ้าไม่รังเกียจ = ให้นั่งได้
- No, not at all. (ไม่เลย)
/โน-น็อท-แอท-ออล/
ถ้าไม่อยากให้นั่ง (อาจจะเพราะที่นั่งมีคนที่จะมานั่งอยู่แล้ว)
- I’m afraid this seat is taken.
/อายมฺ-เออะเฟรด-ดิส-ซีท-อิส-เทเคิน/
(ฉันเกรงว่าที่นั่งที่ไม่ว่างแล้ว)
- Sorry, the seat is taken.
/ซอร์รี-เดอะ-ซีท-อิส-เทเคิน/
(ขอโทษนะ แต่ที่นั่งมีคนนั่งแล้ว)
ส่วนคำถามอื่น ๆ จะตอบได้ตรงตัวเลย เช่น
- Sure, go ahead. (แน่นอน นั่งได้เลย)
/ชอร์-โก-เออะเฮด/
- Please feel free. (ตามสบายเลย)
/พลีส-ฟีล-ฟรี/
- Of course. (แน่นอนอยู่แล้ว)
/เอิฟ-คอร์สฺ/
ลองเอาคำถาม และคำตอบไปฝึกพูด ฝึกใช้กันดูนะคะ ยิ่งฝึกบ่อยยิ่งใช้คล่อง พูดได้มั่นใจแน่นอน แต่ถ้าใครอยากพูดได้หลายเรื่องกว่านี้ อยากจัดเต็มพูดมันส์ ให้ฝรั่งตะลึง ก็ต้องมาฝึกด้วยหนังสือเล่มนี้เลยค่า
⚡อยากพูดอังกฤษคล่อง อ่านเซ็ทนี้เลย⚡
- หนังสือ Conver 4 เล่ม รวม 4,000 ประโยค
- ชีวิตประจำวัน/การทำงาน/การท่องเที่ยว/คุยกับเพื่อนฝรั่ง
- ครอบคลุมการใช้ทุกสถานการณ์
- ทุกเล่มมีคำอ่านและไฟล์เสียงให้ใช้ฝึก
- พิมพ์ 4 สีทุกเล่ม อ่านเพลิน สบายตา ไม่น่าเบื่อ
- แถมฟรี! เกมฝึกพูดเมื่อซื้อยกเซ็ท!