จบตรีแล้ว เรียนต่อหมอ? ป.ตรี 2 ใบ  สานฝันคนอยากเป็นหมอ รายละเอียดมีอะไรบ้าง?

จบตรีแล้ว เรียนต่อหมอ? ป.ตรี 2 ใบ  สานฝันคนอยากเป็นหมอ รายละเอียดมีอะไรบ้าง?

การเรียนต่อแพทยศาสตร์ ยังอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจ สำหรับใครก็ตามที่เคยพลาดความฝันเมื่อตอนเรียนจบมัธยมศึกษาทีปที่ 6 แล้วอาจจะสอบไม่ติดแพทย์ตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้ต้องเลือกเรียนปริญญาตรีในสาขาอื่นกระทั่งสำเร็จการศึกษา ปัจจุบันมีหลายสถาบันเปิดรับคนจบตรีให้เรียนต่อหมอได้แล้ว เป็นการเรียนหลักสูตรปริญญาตรีคณะพทยศาสตร์เพิ่มอีกหนึ่งใบ ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาก็สามารถประกอบวิชาชีพแพทย์ได้

 

จบตรีแล้ว เรียนต่อหมอ? ป.ตรี 2 ใบ 
สานฝันคนอยากเป็นหมอ รายละเอียดมีอะไรบ้าง?

 

ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเรียนต่อหมอของคนจบตรี

 

หลักสูตรแพทยศาสตร์ที่เปิดรับคนเรียนจบปริญญาตรี มักจะใช้เวลาเรียนไม่นานถึง 6 ปี เหมือนกับหลักสูตรแพทยศาสตร์สำหรับเด็กจบ ม.6 บางแห่งอาจกำหนดว่าต้องเรียนจบตรี สายวิทยาศาสตร์ และบางแห่งอาจไม่ได้กำหนด ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบัน บางแห่งเรียกการรับสมัครรูปแบบนี้ว่าแพทย์ New track 

ส่วนใหญ่แล้วคนที่สามารถสมัครได้ ต้องเรียนจบปริญญาตรีแล้ว หรือกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะเรียนจบก่อนเริ่มเรียนในคณะแพทยศาสตร์ บางสถาบันที่เปิดรับมีแนวคิดว่าคนที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว มักมีความเป็นผู้ใหญ่ และมีความมุ่งมั่น แม้จะเคยพลาดโอกาสไปเมื่อตอนเรียนจบ ม.6 แต่การเปิดโอกาสอีกครั้ง ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีที่จะให้คนกลุ่มนี้ได้พิสูจน์ตัวเอง 

 

 

ที่ไหนรับคนจบตรี เรียนต่อหมอบ้าง?

 

เข้าสู่คำถามยอดฮิต ก็คือ...ที่ไหนบ้างล่ะที่เปิดรับคนจบตรีให้ไปเรียนต่อหมอได้ เท่าที่สำรวจเบื้องต้น ได้แก่ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยนเรศวร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น โดยแต่ละแห่งก็มีรายละเอียดแตกต่างกัน 

 

 

จบตรี เรียนต่อหมอที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

คณะที่เปิดรับคนจบป.ตรี ได้แก่ 

  • คณะแพทยศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) 
  • คณะสัตวแพทยศาสตร์ 

 

คณะแพทยศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)

 

  • หลักสูตร 4 ปี
  • จำนวนรับ 40 คน/ปี (อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี)
  • ค่าธรรมเนียมการสมัคร : 1,000 บาท 

 

คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์สมัครสอบคัดเลือก

  • เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเป็นผู้ที่กำลังศึกษาชั้นปีสุดท้ายในระดับปริญญาตรีไม่จำกัดสาขาวิชา และคาดว่าจะสำเร็จการศึกษาก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 
  • มีคะแนน IELTS (Academic) ไม่ต่ำกว่า 7.0 อายุไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร
  • มีคะแนน MCAT โดยสามารถใช้คะแนนสอบย้อนหลังได้ไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร
  • เป็นผู้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการทางร่างกายอันอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม 

เอกสารที่ใช้ในการสมัคร

  1. รูปถ่าย
  2. บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง 
  3. เอกสารคุณวุฒิการศึกษา
  4. ใบคะแนน IELTS 
  5. ใบคะแนน MCAT 
  6. Statement of Purpose ที่แสดงตัวตน ความตั้งใจและความคาดหวังของการเข้าศึกษาในหลักสูตรนี้ ความยาวไม่เกิน 2 หน้ากระดาษขนาด A4 พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษใช้ font Times New Roman ขนาด 12 single space 
  7. Curriculum Vitae เกี่ยวกับประวัติการศึกษา การทำงาน และการเข้าร่วมกิจกรรมหรือรางวัลที่ได้รับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในด้านจิตสาธารณะ การวิจัย หรือกิจกรรมวิชาการอื่นๆ ความยาวไม่เกิน 5 หน้ากระดาษขนาด A4 พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษใช้ font Times New Roman ขนาด 12 single space 
  8. เอกสารเปลี่ยนชื่อ - นามสกุลทุกฉบับ (ถ้าเคยมีการเปลี่ยนชื่อและ/หรือนามสกุล)


 

เอกสารสำหรับส่งทาง email โดยตรง

จดหมายแนะนำ (Letter of Recommendation) จำนวน 2 ฉบับ เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษโดยอย่างน้อย 1 ฉบับต้องมาจากอาจารย์ที่ปรึกษา ผู้บังคับบัญชา และ/หรือผู้ที่เคยทำงานร่วมกัน ตามแบบฟอร์มที่หลักสูตรกำหนด 

 

 

คณะสัตวแพทยศาสตร์

 

  • หลักสูตร 6 ปี

  • จำนวนรับ 3 คน/ปี (อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี)

 

คุณสมบัติของผู้สมัคร

  • สัญชาติไทย
  • สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาอื่นที่ไม่ใช่สาขาสัตวแพทยศาสตร์จากสถาบันการศึกษาของไทย หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาใดสาขาหนึ่งจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศที่กระทรวงศึกษาธิการ หรือคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรับรองในปีการศึกษา 2563
  • เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่า 3.00
  • IELTS (Academic) ไม่ต่ำกว่า 5.5
  • เป็นผู้มีใบรับรองจำนวนชั่วโมงฝึกงานในคลินิกสัตวแพทย์ หรือโรงพยาบาลสัตว์ที่ได้รับการอนุมัติจากสัตวแพทยสภา หรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่มีใบมาตรฐานฟาร์ม และอยู่ภายใต้กสารควบคุมของสัตวแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ จำนวนอย่างน้อย 100 ชั่วโมง (นับถึงวันสมัคร)
  • มี Portfolio ด้านวิชาการ การบำเพ็ญประโยชน์ หรือความสามารถพิเศษ
  • เป็นผู้มีความเมตตาต่อสัตว์ สุขภาพดี เนื่องจากต้องฝึกงานภาคสนามและคลินิกปฏิบัติ
  • ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง

 

เอกสารที่ใช้

  • ใบสมัครที่มีรูปถ่าย
  • เอกสารประกอบการสมัคร ที่มีการกรอกรายละเอียดครบถ้วน ดาวน์โหลดได้ที่
  • สำเนา Transcripts ที่มี GPAX ระดับปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่า 3.00
  • ใบคะแนน IELTS (Academic) ที่ไม่ต่ำกว่า 5.5
  • ใบรับรองจำนวนชั่วโมงฝึกงานในคลินิกสัตวแพทย์/โรงพยาบาลสัตว์/ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จำนวนอย่างน้อย 100 ชั่วโมง (นับถึงวันสมัคร)
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (เฉพาะในกรณีที่ชื่อ-สกุล ในเอกสารไม่ตรงกัน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
  • Portfolio จัดทำเป็นรูปเล่มไม่เกิน 10 หน้า กระดาษ A4 (ไม่รวมปก)

 

 

หัวข้อในการสอบสัมภาษณ์ เกณฑ์การพิจารณา และคะแนนขั้นต่ำ 

  • บุคลิกภาพ ทักษะด้านการสื่อสาร และการนำเสนอด้วยวาจาหัวข้อ “สัตวแพทย์กับการพัฒนาประเทศ” โดยใช้เวลา 5 นาที คิดเป็น 40 คะแนน
  • ทัศนคติต่อวิชาชีพสัตวแพทย์ คิดเป็น 40 คะแนน
  • ความรู้รอบด้านสัตวแพทย์และสาขาที่เกี่ยวข้อง คิดเป็น 10 คะแนน
  • การนำเสนอ Portfolio ในส่วนกิจกรรมอื่นๆ คิดเป็น 10 คะแนน

 

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาจะต้องได้คะแนนสอบสัมภาษณ์รวมกันไม่ต่ำกว่า 80 คะแนน

 

 

จบตรี เรียนต่อหมอที่มหาวิทยาลัยมหิดล

 

  • หลักสูตร 6 ปี
  • จำนวนรับ 4 คน/ปี (อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี)

 

คุณสมบัติของผู้สมัคร

  • สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่จำกัดสาขา
  • เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่า 3.25
  • อายุไม่เกิน 35 ปี
  • สามารถสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ได้ 
  • สามารถสอบ 7 วิชาสามัญ และวิชาเฉพาะของ กสพท.ได้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนด


 

 

จบตรี เรียนต่อหมอที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

  • เปิดรับทันตแพทย์ศาสตร์ หลักสูตร 6 ปี
  • จำนวนรับ 17 คน/ปี (อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี)

 

คุณสมบัติของผู้สมัคร

  • สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สายวิทยาศาสตร์
  • เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่า 3.00
  • อายุไม่เกิน 30 ปี
  • สามารถสอบ 7 วิชาสามัญ ของ สทศ. ได้คะแนนตามเกณฑ์ตามเกณฑ์ที่กำหนด
  • มี Portfolio

 

 

จบตรี เรียนต่อหมอที่มหาวิทยาลัยพะเยา

 

  • โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย 
  • หลักสูตร 5 ปี
  • จำนวนรับ 20 คน/ปี (อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี)

 

คุณสมบัติของผู้สมัคร

  • สัญชาติไทย
  • สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ
  • อายุไม่เกิน 30 ปี
  • มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับงานด้านสาธารณสุขอย่างน้อย 1 ปี พร้อมทั้งแนบหนังสือรับรองการทำงานพร้อมกับเอกสารการสมัคร
  •  ไม่เป็นผู้มีโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคสำคัญ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และการประกอบอาชีพและวิชาชีพเวชกรรม
  • ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในกรณีความผิดอันเป็นลหุโทษ
  • เป็นผู้ที่มีคะแนนจากการทดสอบวัดความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) ตามที่สถาบันทดสอบแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สทศ. และคะแนนการสอบวิชาเฉพาะกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) (ผล GAT/PAT ไม่เกิน 2 ปี)
  • กรณีที่ผู้สมัครได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยพะเยา มีผลการเรียน ต่ำกว่า C (2.00) หรือไม่มีในรายวิชา ได้แก่ 1. ฟิสิกส์ หรือฟิสิกส์ทางการแพทย์ 2. เคมีทั่วไป 3. เคมีอินทรีย์ ผู้สมัครต้องผ่านการทดสอบรายวิชาดังกล่าว ตามประกาศมหาวิทยาลัยพะเยา เรื่อง การสอบผ่านรายวิชาฟิสิกส์ทางการแพทย์และรายวิชาเคมีทั่วไปและเคมีอินทรีย์ สำหรับนิสิตหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย กลุ่มสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีลาเรียน (Strengthening Track)
  • เป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 
  • กรณีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัครที่เป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ไม่ครบตามจำนวนของมหาวิทยาลัย ให้รับบุคคลทั่วไปที่สำเร็จการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ
  • บุคคลทั่วไป ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ และต้องมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร) ไม่น้อยกว่า 5 ปีต่อเนื่องจนถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร โดยมีทะเบียนบ้านเป็นหลักฐาน 
  • ต้องมีคุณสมบัติที่จะปฏิบัติงานในส่วนราชการ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐได้หลังสำเร็จการศึกษาแล้ว และต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียวหรือสัญญาปลายเปิดกับรัฐบาลตามระเบียบและเงื่อนไขของรัฐบาลกับมหาวิทยาลัยพะเยา


 

 

จบตรี เรียนต่อหมอที่มหาวิทยาลัยนเรศวร

 

  • โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย 
  • หลักสูตร 5 ปี
  • จำนวนรับ 55 คน/ปี (อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี)

 

คุณสมบัติผู้สมัคร

  • สัญชาติไทย
  • อายุไม่เกิน 30 ปี 
  • มีประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับสาธารณสุขอย่างน้อย 2 ปี (นับถึงวันหมดเขตการรับสมัคร) พร้อมแแนบใบรับรองมาในวันรับสมัคร
  • เป็นผู้ที่มีคะแนนจากการทดสอบวัดความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) ตามที่สถาบันทดสอบแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สทศ. และคะแนนการสอบวิชาเฉพาะกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) 
  • ไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในกรณีความผิดอันเป็นลหุโทษ
  • ข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาให้มาสมัครสอบคัดเลือกและหากได้รับการคัดเลือกจะได้รับการอนุมัติให้ลาศึกษาต่อได้จากหน่วยงานต้นสังกัด โดยในวันสมัครต้องมีใบอนุญาตจากผู้บังคับบัญชามาแสดง หากมีการลาออกหลังจากได้รับการคัดเลือก จะถือว่าขาดคุณสมบัติผู้สมัคร
  • บุคคลทั่วไป ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ และต้องมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร) ไม่น้อยกว่า 5 ปีต่อเนื่องจนถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร โดยมีทะเบียนบ้านเป็นหลักฐาน 
  • ผู้สมัครจะต้องมีรายวิชาที่เทียบได้กับรายวิชา ดังต่อไปนี้ 
    • ฟิสิกส์ หรือฟิสิกส์ทางการแพทย์ มีภาคทฤษฎีไม่น้อยกว่า 2 หน่วยกิต 
    • เคมีทั่วไป มีภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมไม่น้อยกว่า 3 หน่วยกิต 
    • เคมีอินทรีย์ มีภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมไม่น้อยกว่า 3 หน่วยกิต

            

            โดยรายวิชาดังกล่าวที่จะใช้ในการเทียบโอนจะต้องเป็นการเรียนรายวิชาที่อยู่ในหลักสูตรระดับปริญญาตรี ซึ่งผู้สมัครสำเร็จการศึกษามา และมีรายละเอียดเนื้อหาจากคำอธิบายรายวิชาที่ครอบคลุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยรายวิชาที่ใช้เทียบจะต้องมีผลการเรียนไม่ต่ำกว่าระดับขั้น C (2.00) ทั้งภาคทฤษฎีและภาคทฤษฎี โดยคณะกรรมการพิจารณาการเทียบรายวิชาของผู้สมัครสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต จะเป็นผู้พิจารณาและผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ถือเป็นที่สุด 

             

            ทั้งนี้ ผู้สมัครที่ไม่มีหรือไม่สามารถเทียบได้ในรายวิชาฟิสิกส์ หรือ ฟิสิกส์ทางการแพทย์ เคมีทั่วไปและเคมีอินทรีย์ ในหลักสูตรระดับปริญญาตรีที่สำเร็จการศึกษามา หากผ่านการสอบคัดเลือกมีสิทธิ์เข้าศึกษาแล้ว จะต้องลงทะเบียนเรียนในรายวิชา 256106 เคมีทั่วไปและเคมีอินทรย์ และรายวิชา 261105 ฟิสิกส์ทางการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยนเรศวร และต้องได้ผลการเรียนแต่ละรายวิชาไม่ต่ำกว่าระดับชั้น C (2.00) ก่อนสำเร็จการศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียนต่อหมอสำหรับคนที่เรียนจบตรีแล้ว เป็นทางเลือกอีกหนึ่งทางนอกเหนือจากการไปสอบแข่งขันกับเด็ก ม.6 การสมัครในรูปแบบที่เปิดรับคนเรียนจบตรีแล้ว จะมีผู้สมัครน้อยกว่า แต่จำนวนที่รับก็น้อยกว่าด้วย แต่ไม่ว่าจะสมัครแบบไหนก็ตาม ต่างก็ต้องใช้ความตั้งใจเป็นอย่างสูง เพื่อพิชิตฝันและเป็นหมอให้สำเร็จ

 

 

 

 

เรียนต่อหมอ คะแนน IELTS สำคัญ

 

  • คอร์ส IELTS ครูเจี๊ยบติวจัดให้ครบทั้ง Listening/Reading/Writing/Speaking
  • ติวละเอียดรูปแบบข้อสอบทุกแบบที่ต้องเจอ ไม่ต้องเสียเวลางมเอง
  • เทคนิคการทำโจทย์แบบที่ต่างกันเช่น การทำโจทย์แบบ Yes/No/Not Given
  • วิธีเก็งคำตอบ และ pattern ในการเขียน และพูด
  • ตรวจ แนะนำงานเขียน (จากในคอร์ส) ฟรี!
  • ครูเจี๊ยบมีประสบการณ์ติว IELTS มายาวนานกว่า 20 ปี

 

สอบถามคอร์สเรียนและโปรโมชั่น

โทร : 061-392-0053

 

 

 

ทดลองเรียนฟรี!! คลิกเลย

 

โดย Wowprae.m
สินค้าที่เกี่ยวข้อง